fbpx

ย้ำ แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยให้ “ยาแพกซ์โลวิด”

สธ. 11 เม.ย.- “อนุทิน” ย้ำ แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยการให้ “ยาแพกซ์โลวิด” แก่ผู้ป่วย ตามความเหมาะสม ผู้ป่วยคนใดไม่ได้รับยาอะไรเลยแปลว่ามีร่างกายแข็งแรง


นายอนุทิน ชาญวีรกูลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าแพทย์จะวินิจฉัยให้ยากับผู้ป่วย ตามความเหมาะสมไม่มีคำว่าขี้เหนียว ไม่เก็บรักษายาไว้ เพื่อการใด ไม่ว่ายาฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ ส่วนการที่ผู้ป่วยบางรายไม่ได้รับยาใดๆ ยิ่งแปลว่าสุขภาพของผู้ป่วยคนนั้นดีมาก นายอนุทินกล่าวว่า ยาแพกซ์โลวิด จะไม่ได้ซื้อครั้งนี้ครั้งเดียวหากมีความจำเป็น จะจัดซื้ออีก ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าแพทย์ บุคลากรที่ทำการดูแลรักษาผู้ป่วยทำตามแนวทางวิธีการรักษาที่ได้มาตรฐาน ขอความกรุณาประชาชนรับฟังข้อมูลอย่างเป็นทางการ ส่วนตนเองให้ความเคารพกับความคิดเห็นจากบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน แต่ขอให้ข้อมูลที่นำมาพูดถึง เป็นข้อมูลที่อ้างอิงจากความเป็นจริง

ด้านแพทย์หญิงเปี่ยมลาภ แสงสายัณห์ หัวหน้ากลุ่มงานอายุรศาสตร์ปอด สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ ระบุว่า ยาแพกซ์โลวิด ใช้กับผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่ม 608 และมีประวัติฉีดวัคซีนไม่ครบ 3 เข็ม และอธิบายกลไกของการป่วยปอดอักเสบว่าเมื่อร่างกายติดเชื้อ ร่างกายจะสะสมสารต้านอักเสบออกมาโต้ตอบ กับไวรัสโดยอัตโนมัติ แต่เมื่อเราได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว จะทำให้การกระตุ้นการอักเสบ ของร่างกายน้อยลง อาการจึงไม่รุนแรงจนถึงปอดอักเสบ


ส่วนยาแพกซ์โลวิดจะเข้าไปช่วยลดการอักเสบของร่างกาย เช่นกัน จึงลดการเสียชีวิตในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง แต่การรับยาแพกซ์โลวิด ก็มีข้อบ่งชี้ค่อนข้างมาก ต้องให้ในกลุ่มที่มีความจำเป็นจริงๆ คือ อาการเริ่มต้นและปานกลางไม่ใช่อาการรุนแรงแล้ว จนถึงขั้นปอดอักเสบ เพราะจะมีเซลล์อักเสบ ที่ร่างกายผลิตออกมาเองที่จะโต้ตอบกับยา จนทำให้การรักษาไม่ได้ผล

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากนี้จะมีการตรวจรับยา โดยให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข กระจายไปตามโรงพยาบาลใหญ่ๆ และกรมการแพทย์จะออกข้อ กำหนดการใช้ยาแพกซ์โลวิด อย่างละเอียดต่อไป .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย