กทม. 9 เม.ย.- GISTDA เผยพบจุดความร้อนทั้งประเทศ 259 จุด มากสุดที่ สกลนคร 34 จุด อุดรธานี 28 จุด และยโสธร 23 จุด ส่วนค่า PM2.5 เช้านี้ยังน่าเป็นห่วง
GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 พบจุดความร้อนทั้งประเทศ 259 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 114 จุด พื้นที่เขตสปก. 45 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 41 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 39 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 17 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 3 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือ สกลนคร 34 จุด อุดรธานี 28 จุด และยโสธร 23 จุด ตามลำดับ จากภาพแสดงให้เห็นจุดความร้อนเกิดขึ้นเล็กน้อยในพื้นที่ภาคกลาง และกระจายตัวเพิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนพื้นที่ภาคเหนือยังคงพบจุดความร้อนเล็กน้อย เนื่องจากมีฝนตกในบางพื้นที่ ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่ 1 มกราคม – 8 เมษายน 2565 พบว่าภาคเหนือมีจุดความร้อนแล้ว 13,206 จุด ตามด้วยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12,455 จุด และภาคกลาง 7,685 จุด ตามลำดับ
ส่วนค่าเฉลี่ยปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เช้านี้น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะหลายจังหวัดทางตอนบนของประเทศที่มีค่าฝุ่นเพิ่มขึ้นตั้งแต่ระดับปานกลาง (สีเหลือง) ไปจนถึงระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง)
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้าน อันดับหนึ่ง คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว วานนี้พุ่งสูงถึง 10,167 จุด รองลงมาอันดับ 2 เป็นสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ 1,935 จุด และอันดับที่ 3 เป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จำนวน 1,150 จุด ตามลำดับ ข้อมูลจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ pm 2.5 ในประเทศไทยเนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามาขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัยกันด้วย
ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th .-สำนักข่าวไทย