รณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ผู้ขับขี่หยุดรถตรงทางม้าลาย

กรุงเทพฯ 21 มี.ค. – ครบรอบ 2 เดือน สูญเสีย “หมอกระต่าย” คณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา-สสส.-สภากาชาดไทย-ภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อน “หยุดสูญเสีย หยุดรถ ให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้” เน้นย้ำหยุดรถทางม้าลาย-ลดความเร็วเขตชุมชน-ชะลอก่อนทางแยกทางข้าม สร้างจิตสำนึกผู้ใช้รถใช้ถนน


วันนี้ (21 มี.ค.) เวลา 14.00 น. ณ บริเวณสี่แยกอโศก-เพชรบุรี คณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานเขตห้วยขวาง สถานีตำรวจนครบาลมักกะสัน และภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนน จัดกิจกรรม “หยุดสูญเสีย หยุดรถ ให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้” ครั้งที่ 2 พร้อมเปิดป้ายประชาสัมพันธ์ แจกสติ๊กเกอร์ “ขอบคุณ ที่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้” รณรงค์สร้างจิตสำนึก ให้ผู้ขับขี่หยุดรถตรงทางม้าลาย ด้วยการลดความเร็วเขตชุมชน และชะลอก่อนถึงทางแยกทางข้าม

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา และประธานคณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา กล่าวว่า วุฒิสภา สสส. สำนักงานตำรวจแห่งชาติและภาคีเครือข่าย มีความเห็นพ้องร่วมกัน ถึงปัญหาด้านความปลอดภัยทางถนนนี้ จึงจัดกิจกรรม ในวาระครบรอบ 2 เดือน ต่อการจากไปของหมอกระต่าย และรัฐบาลโดยคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ (นปถ.) สั่งการไปยังศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด และมอบสื่อผ่านปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธาน ศปถ.จังหวัด นำไปใช้ในการจัดกิจกรรม “การรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุบริเวณทางข้าม” พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้สร้างความปลอดภัยทางถนน โดยเฉพาะผู้ขับขี่ให้มีจิตสำนึก และตระหนักถึงความสูญเสีย ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการขับรถที่ไม่มีวินัย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือไม่หยุดให้คนข้ามบนทางม้าลาย


“ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา คณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนนวุฒิสภา สสส. และภาคีเครือข่าย ได้มุ่งมั่น เร่งรัด ติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน บูรณาการความร่วมมือจากทุกฝ่ายและให้ข้อเสนอแนะ เพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งจากปัญหาอุบัติเหตุ และความปลอดภัยทางถนน ทางคณะกรรมการฯ และรัฐสภาจะมุ่งมั่นทำงาน เพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนนให้ได้มากที่สุด โดยใน 2 เดือนที่ผ่านมาได้รับรายงานจาก ศปถ.กรุงเทพฯ ว่าได้สำรวจจุดเสี่ยงและปรับปรุงทางเท้าให้มองเห็นได้ชัดเจน รวมถึงทำสัญลักษณ์ลดความเร็วก่อนถึงทางข้ามเกือบครบทุกพื้นที่แล้ว” นายสุรชัย กล่าว

ฝ่ายเลขาคณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา กล่าวว่า จากข้อมูล 3 ฐานที่รวบรวม โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) 10 ปีย้อนหลัง พบการเสียชีวิตของคนเดินเท้าเฉลี่ยถึง 1,000 รายต่อปี โดยเกือบครึ่งเป็นการก่อเหตุจากจักรยานยนต์ และ 1 ใน 3 เกิดในพื้นที่กรุงเทพฯ และข้อมูลจากบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด พบว่าในห้วง 1 เดือนที่ผ่านมา (21 ก.พ.-20 มี.ค.65) ยังพบว่ามีคนเดินเท้าเสียชีวิตบนทางม้าลาย แต่ภาพรวมการเสียชีวิตของคนเดินเท้ามีแนวโน้มลดลง จากค่าเฉลี่ยเดิมวันละประมาณ 3 คน เหลือไม่เกิน 2 คน จึงมีความจำที่ต้องช่วยกันรณรงค์ และย้ำเตือนให้เกิดวัฒนธรรมการหยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย และดำเนินการควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนที่มีประสิทธิภาพ

“จากกรณีการเสียชีวิตของ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย ที่ถูกรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ชน ขณะข้ามถนนบนทางม้าลาย เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา สะท้อนถึงความเสี่ยง และการไม่เคารพกฎหมายรวมถึงจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนน ที่เกิดขึ้นบนท้องถนนของไทย ความสูญเสียบนท้องถนนโดยเฉพาะทางม้าลาย ไม่สมควรจะเกิดขึ้นอีก จึงขอเชิญชวนทุกฝ่าย หยุดความสูญเสีย ด้วยการหยุดรถ ให้คนข้ามทางม้าลาย พร้อมติดสติ๊กเกอร์สะท้อนแสงที่รถ ข้อความ “ขอบคุณ ที่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้” ฝ่ายเลขาคณะกรรมการฯ กล่าว


ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. และภาคีเครือข่ายสนับสนุนการทำงาน เพื่อมุ่งลดความสูญเสีย จากอุบัติเหตุทางถนนบนทางม้าลาย ทั้งการสื่อสารรณรงค์ให้ความรู้ สร้างความตระหนัก ทั้งในส่วนกลางและพื้นที่ มุ่งสร้างวัฒนธรรมใหม่ ในการใช้รถใช้ถนน จากกรณีอุบัติเหตุของคุณหมอกระต่าย เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนความสูญเสีย ทั้งผู้ที่ต้องเสียชีวิต หรือกลายเป็นผู้พิการตลอดชีวิต จากพฤติกรรมการขับขี่อันตราย เช่น ขับเร็ว ดื่มแล้วขับ ซึ่งเป็นเหตุสำคัญของความสูญเสีย รวมถึงปัญหาในเชิงระบบที่ยังต้องช่วยกันปรับปรุงแก้ไขร่วมกันต่อไป ทั้งทางด้านกายภาพถนนที่ต้องมีความปลอดภัย การบังคับใช้กฎหมายที่ต้องทำตลอดต่อเนื่อง การเคารพกฎหมายที่ทุกคนต้องถือปฏิบัติทั้งผู้ขับขี่-คนเดินเท้า

“การใช้ความเร็วรถที่ 30 กม.ต่อชั่วโมง หากเกิดการชนจะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้ถึง 90% หากเราใช้ความเร็วที่ปลอดภัยนี้หน้าโรงเรียน โรงพยาบาล เขตชุมชน ตลาด และชะลอรถเมื่อถึงทางข้าม จะช่วยให้ไม่ต้องมีคนเดินเท้าต้องเสียชีวิต และในภาพรวมจะช่วยลดการบาดเจ็บ และเสียชีวิตของคนไทยได้มาก สสส. และภาคีเครือข่าย มุ่งหวังให้เกิดการขับเคลื่อนร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยจะเน้นการดำเนินงานสำคัญ คือ 1.ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่สำคัญ และเพิ่มพฤติกรรมความปลอดภัย 2.สร้างสภาพสังคม และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อความปลอดภัย ในการใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ เยาวชน และวัยทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และเน้นทำงานในพื้นที่จุดเสี่ยงและเกิดอุบัติเหตุสูง” ดร.สุปรีดา กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ