ชมรมแพทย์ชนบท มอง UCEP Plus ทำสับสน

สำนักข่าวไทย 17 มี.ค.- ชมรมแพทย์ชนบท มอง UCEP PLUS ที่เริ่มเมื่อ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ระบบ “เจอ แจก จบ” ที่กำลังไปได้ด้วยดี สับสน “เจอ ไม่แจก ไม่จบ” ผู้ป่วยสีเขียวต้องไปใช้สิทธิประกันสังคมรักษาที่ รพ.คู่สัญญา รักษาที่ รพ.ชุมชน ใกล้บ้านไม่ได้


เพจเฟซบุ๊กชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความ “ความสับสนจากระบบ USEP+ ที่กระทบผู้ติดเชื้อโควิดแล้ว” ระบุระบบเจอแจกจบที่กำลังไปได้ด้วยดีขึ้น เจอวิกฤตอีกครั้งจากระบบ UCEP PLUS ที่เริ่มเมื่อ 16 มีนาคม 2565

อธิบายง่ายๆ คือ ก่อนการประกาศ UCEP PLUS ผู้ติดเชื้อโควิดทุกกรณี ไม่ว่าจะป่วยหนักเบา โรงพยาบาต่างๆ ช่วยกันรักษา ข้ามเขตได้ ข้ามสังกัดได้ แล้วส่หลักฐานการใช้จ่ายมาเบิกกับ สปสช. ซึ่งทำหน้าที่เป็น clearing house ในทุกสิทธิ ซึ่งสะดวกและเป็นธรรม


ต่อมาเมื่อประกาศ UCEP+ วันที่ 16 มีนาคม 2565 ให้แบ่งผู้ติดเชื้อเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มป่วยมากสีเหลืองหรือสีแดง ให้รักษาได้ทุกโรงพยาบาล โดยเบิกค่ารักษาคืนจาก สปสช.คือ สปสช.ยังเป็น clearing house ให้ ซึ่งสะดวกและมั่นใจ

แต่กลุ่มผู้ติดเชื้อที่อาการน้อย (สีเขียว) ให้รับบริการตามสิทธิ์กับโรงพยาบาลคู่สัญญา ซึ่งตีความตรงๆ ก็คือ ใครประกันสังคมโรงพยาบาลไหน ต้องไปที่โรงพยาบาลคู่สัญญานั้นๆ ซึ่งโรงพยาบาลคู่สัญญา (main contractor) ก็จะเป็นโรงพยาบาลใหญ่ๆ ส่วนโรงพยาบาลชุมชนไม่ใช่โรงพยาบาลคู่สัญญา จะมารักษาไม่ได้ มิเช่นนั้นต้องตกลงกันเป็นกรณีๆ ไป ซึ่งสร้างความปวดหัวให้กับโรงพยาบาลชุมชนมาก

ความสับสนสำคัญอยู่ที่ระบบประกันสังคม ได้แก่


  • หากไม่ได้ไปที่โรงพยาบาลคู่สัญญา แต่ไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน เสี่ยงโควิดจะได้สิทธิตรวจ ATK ฟรีไหม หาก รพ.นั้นๆ ตรวจให้ จะเบิกเงินคืนได้ไหม
  • หากผลเป็นบวก จะรับยาจากโรงพยาบาลที่เราไปตรวจแต่ไม่เป็น รพ.คู่สัญญา ได้ไหม หากไม่ได้ก็ต้องนั่งรถมารับยาที่โรงพยาบาลคู่สัญญาที่ไกลออกไปในตัวจังหวัด แล้วจะไปอย่างไร ขึ้นถประจำทางก็แพร่โรค จะเหมารถไปก็ใช่ที่ เป็นภาระแก่ผู้ประกันตน
  • ทำไมระบบประกันสังคมไม่ให้ สปสช.เป็น clearing house ให้เหมือนเดิม จะได้จบปัญหา

ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะประกันสังคมของโรงพยาบาลเอกชน แจ้งมาชัดแล้วว่าให้ผู้รับบริการกลับไปรับยาหรือรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนนั้นๆ เท่านั้น ทั้งๆ ที่ยาที่จ่ายก็แค่ฟ้าทะลายโจร ระบบเจอจึงไม่แจก คือให้ผู้ติดเชื้อนั่งรถไป รพ.เอกชนนั้นๆ เอง และไม่จบ เพราะผู้ติดเชื้อไม่พอใจทะเลาะกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชุมชนที่หาว่าไม่ดูแล ส่งผลให้หลายโรงพยาบาลเริ่มปฏิเสธเจอจ่ายจบผู้ป่วยประกันสังคมแล้ว ให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลคู่สัญญาเท่านั้น

ทั้งหมดนี้ ชมรมแพทย์ชนบทเขียนจากเสียงสะท้อนจากคนทำงานหน้างาน ระบบที่ดีต้องเอื้อต่อทั้งผู้ป่วยและคนทำงาน เจอแจกจบเพิ่งจะเข้าที่ ตอนนี้ด้วยความไม่ชัดเจน ระบบจึงรวนอีกแล้ว ฝากผู้หลักผู้ใหญ่แก้ปัญหา โดยยึดผู้รับบริการเป็นศูนย์กลางด้วย อย่างด่วนเลยนะครับ ให้ สปสช.เป็น clearing house เช่นเดิม เจอที่ไหน แจกที่นั่น แล้วจบที่ตาม 48 ชั่วโมง ก็จบ ไม่ได้ยากอะไร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง