สธ. 15 มี.ค.-ปลัด สธ. เผยวันที่ 21-31 มี.ค.นี้ รณรงค์ฉีดวัคซีนในกลุ่ม 608 “SAVE 608” หลังพบอัตราตายในกลุ่มสูงวัย 70 ปีขึ้นไป มากถึง 7.5% ย้ำเพิ่มทางเลือกลดความกังวลรับวัคซีน สามารถเลือกรับวัคซีนแบบครึ่งโดสได้ในเข็ม 3 ส่วนเข็ม 4 เตรียมกำหนดให้รับเพียงครึ่งโดสเท่านั้น
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ (15 มี.ค.) พบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 70 คน โดยพบว่า 47 คน ของผู้เสียชีวิตเป็นคนอายุ 70 ปีขึ้นไป และ 97% เป็นกลุ่มคน 608 และพบว่าอัตราการเสียชีวิตสูงสุด คือ กลุ่มคนอายุ 60-70 ปีขึ้นไป ถึง 7.5%, อายุ 50-60 ปี อัตราการเสียชีวิต 0.3%, ส่วนกลุ่มอายุ 1-50 ปี เสียชีวิต 0.1% และในจำนวนนี้มีถึง 52 คน ที่รับวัคซีนไม่ครบ 2 เข็ม ซึ่งมีเป็นผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียง รวมถึงคนที่ป่วยมะเร็ง ทำให้ได้รับวัคซีนไม่ครบ เพราะบางส่วนกังวลผลข้างเคียง
ขณะนี้ใกล้เทศกาลสงกรานต์ที่มีผู้คนเดินทางกลับบ้าน จึงอยากเชิญชวนให้ผู้สูงอายุเร่งมารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน โดยกำหนดให้ 21-31 มีนาคม เป็นสัปดาห์รณรงค์ฉีดวัคซีนในกลุ่ม 608 หรือ “SAVE 608” ทั้งนี้ เพื่อลดความกังวลในกลุ่มผู้สูงอายุในวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็ม 3 สามารถเลือกรับวัคซีนแบบครึ่งโดส หรือเต็มโดสได้ ในส่วนของวัคซีนไฟเซอร์ แต่สำหรับผู้สูงอายุ 608 ที่ถึงครบกำหนดรับเข็ม 4 เตรียมมีแนวทางให้รับวัคซีนแบบครึ่งโดส เพื่อลดอาการข้างเคียง ลดความกังวล
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ในการให้บริการฉีดวัคซีนเปิดให้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด ในช่วงเทศกาลสงรานต์ ลูกหลานสามารถพาผู้สูงอายุมารับวัคซีนได้ ขณะเดียวกันสำหรับบุตรหลานที่มีความตั้งใจไปเยี่ยมผู้สูงอายุในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทย หรือสงกรานต์นี้ นอกจากตนเองจะต้องเตรียมความพร้อมรับวัคซีนให้ครบ และยังความงดปาร์ตี้ ไม่การ์ดตก ตรวจ ATK ก่อน 1 ครั้ง ที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา ส่วนเรื่องของ UCEP Plus เป็นเรื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณที่มีการเปลี่ยนแปลงไป แต่การให้บริการต่างๆ ยังเหมือนเดิม คือ เจ็บป่วยฉุกเฉิน เข้าเกณฑ์สีเหลืองและสีแดง สามารถเข้ารับบริการได้ทุกที่ แต่ในส่วนของผู้ป่วยสีเขียว ก็ให้ใช้ HI ไปตามสิทธิของตนเอง .-สำนักข่าวไทย