คนไทย 97% สวมหน้ากากในที่สาธารณะตลอดเวลา

รุงเทพฯ 7 มี.ค. – กรมอนามัยเผยคนไทย 97% สวมหน้ากากในที่สาธารณะตลอดเวลา พร้อมชี้ผลศึกษาของต่างประเทศ การฉีดแอลกอฮอล์ลงในหน้ากากอนามัย ทำให้สารกันน้ำของหน้ากากเสื่อมประสิทธิภาพ เกิดรั่วซึม ไม่สามารถป้องกันโควิด-19 ได้  


นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากผลสำรวจอนามัยโพลเกี่ยวกับ พฤติกรรมการสวมหน้ากากในที่สาธารณะ พบว่า สวมหน้ากากตลอดเวลา 97% สวมบางครั้งและไม่สวมเลย 3% จึงขอความร่วมมือประชาชนสวมหน้ากากป้องกันตนเองตลอดเวลา และต้องสวมให้ถูกวิธี ที่สำคัญไม่ควรฉีดแอลกอฮออล์ลงในหน้ากากอนามัย เพื่อฆ่าเชื้อโรค

ผลการศึกษาของจากองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (CSIRO) ระบุว่า การฉีดพ่นหน้ากากอนามัยด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีแอลกอฮอล์เสี่ยงลดประสิทธิภาพลง เพราะด้านหน้าของหน้ากากอนามัยมีการเคลือบสารกันน้ำไว้ เมื่อฉีดแอลกอฮอล์ใส่หน้ากากอนามัย จะทำให้คุณสมบัติของสารกันน้ำเสื่อมประสิทธิภาพ เกิดการรั่วซึม และไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ ดังนั้น หน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว หรือมีรอยเปื้อน เปียก ฉีกขาด ให้ทิ้ง และเปลี่ยนใหม่ทันที


นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า การเพิ่มความมั่นใจของชั้นกรองหน้ากากให้มีประสิทธิภาพสูงเมื่อต้องอยู่ในสถานที่แออัด หรือพื้นที่ที่ระบายอากาศไม่ดีเป็นระยะเวลานาน เช่น ในรถตู้โดยสาร หรือต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้มีความเสี่ยงสูง แนะนำให้สวมหน้ากากผ้าทับหน้ากากอนามัยได้ แต่ขอเน้นย้ำต้องสวมให้ถูกวิธี และถูกประเภทของชนิดหน้ากาก คือ สวมหน้ากากอนามัยก่อนแล้วทับด้วยหน้ากากผ้า ซึ่งจะเพิ่มความกระชับ และความสามารถในการกรองมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งตรวจสอบว่าหายใจได้สะดวกหรือไม่ นอกจากนี้ การสวมหน้ากากแบบผิดประเภท เช่น สวมหน้ากากอนามัยซ้อนกัน 2 ชิ้น สวมหน้ากาก N95 ก่อนแล้วทับด้วยหน้ากากอื่น หรือสวมหน้ากากผ้าก่อนแล้วทับด้วยหน้ากากอนามัย นอกจากจะไม่ช่วยเรื่องประสิทธิภาพการป้องกันแล้ว ยังส่งผลให้ผู้สวมอึดอัด หายใจไม่ออก และอาจเป็นลมได้ ส่วนกลุ่มที่ไม่ควรสวมหน้ากาก คือ กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี เพราะเด็กอาจช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กรณีที่เด็กหายใจไม่ออกจากการสวมหน้ากาก

“การสวมหน้ากากที่ถูกต้องและถูกวิธีจะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ แต่การปฏิบัติตามหลัก UP (Universal Prevention) อย่างเคร่งครัดควบคู่กันไป ทั้งการเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1–2 เมตร หลีกเลี่ยงการเข้าไปยังสถานที่แออัด หรือมีการระบายอากาศไม่ดี งดใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน รวมถึงหมั่นล้างมือ และตรวจตนเองเบื้องต้นด้วย ATK เมื่อสงสัยว่ามีความเสี่ยง หรือมีอาการ ถือเป็นพฤติกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 ให้มากขึ้นด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

เข้มทางบก แก๊งลักลอบเข้าเมือง หนีไปทางน้ำ

หลังมาตรการ Seal Stop Safe ชายแดนของรัฐบาล ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 30 มกราคม เพื่อเข้มงวด ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามเส้นทางต่างๆ พบขบวนการลักลอบเข้าเมืองด้านชายแดนกาญจนบุรี ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ เมืองพญาตองซู ของเมียนมา เลี่ยงไปใช้เส้นทางน้ำแทน

ทองไทยใกล้เป้าหมายบาทละ 5 หมื่น

ทองไทยเข้าภาวะกระทิง เปลี่ยนแปลงคึกคักวันนี้ (11 ก.พ.) ปรับเปลี่ยน 27 รอบ เข้าใกล้ 48,000 บาทต่อบาททองคำ มองเป้าหมายถัดไปที่ 50,000 บาทต่อบาททองคำ ด้านสภาทองคำโลก ชี้การซื้อทองเป็นการลงทุนมากกว่าการใช้เป็นเครื่องประดับ ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นตลาดทองคำที่แข็งแกร่งในปี 67 สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก