สธ.เผยวัคซีนเข็มกระตุ้น ลดอัตราเสียชีวิตผู้สูงอายุได้ 41 เท่า

สธ. 24 ก.พ.- กระทรวงสาธารณสุข ห่วง “ผู้สูงอายุ” อัตราเสียชีวิตจากโควิดสูงสุด พบเกินครึ่งไม่ได้ฉีดวัคซีน เร่งค้นหาและรณรงค์ฉีดวัคซีนก่อนลูกหลานกลับบ้านช่วงสงกรานต์ ชี้ฉีดครบ 2 เข็ม ลดอัตราตาย 4 เท่า ฉีดเข็มกระตุ้นลดอัตราตาย 41 เท่า

วันนี้ (24 กุมภาพันธ์ 2565) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ และ นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โควิด 19 การรับวัคซีนเข็มกระตุ้น และแนวทางการดูแลรักษา


นพ.โสภณกล่าวว่า ขณะนี้การติดเชื้อพบในทุกวัย จำนวนมากสุดเป็นวัยทำงาน ไปสถานบันเทิงหรือสถานที่เสี่ยง และมาแพร่ต่อในชุมชนและครัวเรือน ซึ่งการระบาดของโอมิครอนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 กลุ่มที่ติดเชื้อสูงสุด คืออายุ 20-29 ปี ขณะที่กลุ่มอายุน้อยกว่า 19 ปีลงมามีแนวโน้มติดเชื้อสูงขึ้น ส่วนผู้สูงอายุมีอัตราการติดเชื้อต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอายุอื่น แต่มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุด โดยกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไป อัตราเสียชีวิต 2.86% และอัตราเสียชีวิตจะลดลงตามช่วงอายุลงไป ซึ่งข้อมูลผู้เสียชีวิตอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 18 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 666 ราย พบว่าไม่ได้ฉีดวัคซีน 387 ราย หรือ 58% จึงจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ โดยเฉพาะที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และให้วัคซีนเข็มกระตุ้นกับผู้ที่ฉีดครบแล้ว 2 เข็มนานกว่า 3-6 เดือน

นพ.โสภณกล่าวว่า จากข้อมูลช่วงเวลาเดียวกันยืนยันว่าการรับวัคซีนโควิดจะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ดีมาก จากข้อมูลผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีน 2.2 ล้านคน เสียชีวิต 387 ราย อัตราเสียชีวิตสูงถึง 178 รายต่อล้านคน รับวัคซีน 1 เข็ม มี 6 แสนราย เสียชีวิต 66 ราย อัตราเสียชีวิต 112 รายต่อล้านคน ลดลงเล็กน้อย แต่รับวัคซีน 2 เข็ม 6.2 ล้านราย เสียชีวิต 197 ราย อัตราเสียชีวิตลดลงเหลือ 32 รายต่อล้านคน หรือลดลง 6 เท่าจากผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน และกรณีรับเข็มกระตุ้นแล้วมี 3.7 ล้านราย เสียชีวิต 16 ราย อัตราเสียชีวิตลดลงเหลือ 4 รายต่อล้านคน หรือเสี่ยงลดลงถึง 41 เท่าเทียบกับผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีน


“เราฉีดวัคซีนผู้สูงอายุแล้ว 82.8% ถือว่าเปอร์เซ็นต์สูง แต่ควรให้ได้เพิ่มขึ้นอีก จึงต้องเร่งรัดดำเนินการค้นหาผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ให้ความรู้ สร้างแรงจูงใจ และกระตุ้นให้รับวัคซีน รวมถึงรณรงค์ฉีดเข็มกระตุ้นสำหรับผู้ที่ฉีด 2 เข็มแล้วนานกว่า 3-6 เดือน หากทุกฝ่ายช่วยกันเต็มที่ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ จะทำให้ผู้สูงอายุรับวัคซีนในสัดส่วนที่สูงขึ้น ยิ่งมากยิ่งดีเพราะจะช่วยป้องกันความเสี่ยงในช่วงสงกรานต์ที่ลูกหลานจะกลับไปเยี่ยม จะได้ปลอดภัยมากขึ้น” นพ.โสภณกล่าว

นพ.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีเตียงรักษาโควิด 1.8 แสนเตียง อัตราครองเตียง 50% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาการสีเขียว ดังนั้น ยังมีเตียงรองรับกลุ่มอาการหนัก อย่างไรก็ตาม ต้องทำความเข้าใจการเข้าสู่ระบบรักษาพยาบาลหลังติดเชื้อ โดยผู้ที่มีอาการหรือเป็นโรคอื่นแล้วไปตรวจที่โรงพยาบาลและพบผลบวก จะจัดเข้าระบบรักษาที่บ้าน (HI) หรือโรงพยาบาลตามระดับอาการ, กรณีตรวจ ATK ด้วยตนเองแล้วผลบวก ไม่ต้องตรวจ RT-PCR ซ้ำ ให้โทรสายด่วน 1330 เข้าระบบได้เลย หากไม่มีอาการจะจัดเข้า HI ก่อน หากทำไม่ได้จะจัดเข้าสู่ศูนย์พักคอย (CI) แต่หากมีอาการมากขึ้นโรงพยาบาลที่ดูแลจะส่งไปศูนย์จัดหาเตียงและเข้าโรงพยาบาลหลักต่อไป หรือโทรประสาน 1669 หากมีอาการฉุกเฉิน

ส่วนผู้ที่มีผล ATK เป็นบวก แต่ต้องการมาตรวจที่โรงพยาบาล หากมาคลินิกทางเดินหายใจ พยาบาลจะคัดกรองผล ATK ว่าเชื่อถือได้หรือไม่ หากเชื่อถือได้จะประเมินอาการเพื่อเข้าระบบรักษาต่อไป หากผลเชื่อถือไม่ค่อยได้ จะตรวจด้วย ATK แบบ Professional Use ไม่ได้ทำ RT-PCR เนื่องจากใช้เวลานานในการรอ อาจมีโอกาสรับเชื้อหรือแพร่เชื้อให้คนอื่น และกรณีมีอาการแต่ไม่ได้ทำ ATK หากเดินทางมาคลินิกทางเดินหายใจ แพทย์จะประเมินความเสี่ยง อาจให้ตรวจ ATK หรือบางรายจำเป็นต้องทำ RT-PCR เช่น เป็นกลุ่มเสี่ยงมาก หรือต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล


“ช่องทางหลักติดต่อคือ 1330 ซึ่งช่วงนี้มีผู้ป่วยโทรเข้ามาก อาจทำให้สายติดขัดหรือไม่ว่าง แต่ สปสช. ได้เพิ่มกำลังคน มีภาคประชาสังคมและภาคเอกชนส่งคนมาช่วยรับสาย และใช้ระบบคอมพิวเตอร์คัดกรองผู้ป่วยอัตโนมัติโอนให้คลินิกโทรกลับ นอกจากนี้ สามารถโทรเบอร์ประจำจังหวัดและประจำเขตใน กทม. 50 เขตได้ รวมถึงให้ข้อมูลผ่านไลน์และเว็บไซต์ สปสช. ส่วนกรณียังไม่ได้รับยาหรืออุปกรณ์ ให้แจ้งแพทย์ที่ติดตามอาการทุกวัน” นพ.ณัฐพงศ์กล่าว

ด้าน นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า การดูสถานการณ์โควิด 19 ต่อจากนี้จะเน้นที่ผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตเป็นหลัก ซึ่งสถานการณ์ของไทยอยู่ในช่วงขาขึ้นจากสายพันธุ์โอมิครอน โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา การติดเชื้อเฉลี่ย 14 วัน เพิ่มขึ้นประมาณ 70% จากการผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น และประชาชนบาส่วนไม่ได้เคร่งครัดป้องกันตนเองเท่าเดิม สำหรับผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 เท่า ตามการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น แต่เมื่อเทียบกับการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาช่วงที่มีผู้ติดเชื้อเท่าๆ กัน พบว่าการเสียชีวิตต่ำกว่าถึง 10 เท่า เนื่องจากสายพันธุ์โอมิครอน รุนแรงน้อยกว่า แต่หากมีการติดเชื้อจำนวนมาก อาจแพร่มาสู่คนที่มีโรคประจำตัวหรือไม่ได้ฉีดวัคซีน ทำให้มีอาการรุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิตได้ ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงยังคงประกาศเตือนภัยระดับ 4 ขอให้ประชาชนดูแลป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ งดเข้าสถานที่เสี่ยงทั้งหมด คือ สถานที่ปิดทึบ ไม่มีการระบายอากาศ มีคนหนาแน่น ถอดหน้ากากรับประทานร่วมกันเป็นเวลานาน และไม่มีการตรวจคัดกรอง ATK นอกจากนี้ ขอให้เลี่ยงการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และชะลอการเดินทางในทุกจังหวัด ส่วนกลุ่มเสี่ยง 608 ต้องรับวัคซีน

“ถ้าเรายังผ่อนคลายมาก ตัวเลขอาจเพิ่มไปเรื่อยๆ ทำให้มีโอกาสเจอผู้ป่วยปอดอักเสบเพิ่มขึ้น จึงต้องช่วยกันลดการติดเชื้อ ไม่ให้มีผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มมากขึ้นจนเกินศักยภาพเตียงที่เรารองรับได้”นพ.จักรรัฐกล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

พญ. สังกัด รพ.ตำรวจ แอบสั่งยาเสียสาว ขายนอกระบบ

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจ และ อย. ร่วมกันตรวจค้นแฟลตตำรวจ พร้อมคุมตัวแพทย์หญิงสังกัด รพ.ตำรวจ หลังพบหลักฐานสั่งซื้อยาเสียสาว มาขายนอกระบบ ตั้งแต่ปี 65 อ้างชื่อ 11 คลินิก เงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท เตรียมขยายผลต่อถึงผู้เกี่ยวข้อง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่แฟลตตำรวจแห่งหนึ่งย่านอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพ โดยได้รับรายงานจากนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาอัลปราโซแลม หรือยานอนหลับ หรือ ยาเสียสาวที่ทำให้หลับและเคลิ้มไป ในทางสืบสวนสอบสวน พบว่า หมอคนนี้ สั่งซื้อยาจาก อย. ตั้งแต่ปี 2565-2568 15 ล้านบาท ทาง อย. เห็นความผิดปกติ จึงพูดคุยกับตำรวจและตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบมีการแอบอ้าง 11 คลินิกในการสั่งซื้อยา […]

สามียิงภรรยาดับคารถ ซอยเพชรเกษม 67

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจปิดล้อมจับกุมสามีวัย 40 ยิงภรรยาวัย 36 เสียชีวิตคารถ ก่อนหนีไปหลบในบ้าน ซอยเพชรเกษม 67 ตรวจค้นที่เกิดเหตุพบอาวุธปืน 3 กระบอก ตำรวจ สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุ พบศพภายในรถเก๋ง HRV ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดอยู่ภายในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เบื้องต้น ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายมีพาพัฒน์ อายุ 40 ปี สามี ส่วนผู้เสียชีวิต น.ส.นันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยา ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในบ้านพัก จึงตรึงกำลังปิดล้อมบ้านพักซึ่งลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์ ระหว่างนั้นญาติของผู้ตายได้เดินทางมาเพื่อสอบถามเหตุ ทันทีที่รับรายงานจากตำรวจ ญาติก็มีสีหน้าเครียด น้ำตาคลอ ให้ข้อมูลว่านายมีพาพัฒน์ คบหากับผู้เสียชีวิตมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ตำรวจปิดล้อมพื้นที่นานกว่า […]

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

ข่าวแนะนำ

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]

Los Angeles mayor issues curfew for downtown Los Angeles

นายกฯ เล็กแอลเอประกาศเคอร์ฟิว

ลอสแอนเจลิส 11 มิ.ย.- นางแคเรน แบสส์ นายกเทศมนตรีนครลอสแอนเจลิส (LA) ประกาศมาตรการห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว ย่านใจกลางเมือง หลังจากมีการทำลายทรัพย์สินในวงกว้างจากเหตุประท้วงต่อต้านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง นางแบสส์แถลงว่า เคอร์ฟิวจะมีผลครอบคลุมพื้นที่ในรัศมี 1 ตารางไมล์หรือราว 2.6 ตารางกิโลเมตรจากย่านใจกลางเมือง ตั้งแต่เวลา 20.00 น.วันที่ 10 มิถุนายนจนถึงเวลา 06.00 น.วันที่ 11 มิถุนายนตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าไทย 14 ชั่วโมง  ก่อนหน้านี้เธอย้ำระหว่างการแถลงข่าวว่า เหตุไม่สงบเกิดขึ้นอย่างจำกัดในบางพื้นที่เท่านั้น ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ประท้วงอย่างสันติ มีเพียงกลุ่มปลุกปั่นกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่ก่อเหตุรุนแรงและฉกชิงทรัพย์สิน การประท้วงในแอลเอเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน เมื่อเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐหรือไอซ์ (ICE) กวาดจับผู้อพยพลอบเข้าเมือง กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิแจ้งเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนว่า ไอซ์จับกุมผู้ลอบเข้าเมืองได้วันละ 2,000 คน มากกว่าสมัยรัฐบาลโจ ไบเดนที่จับกุมเฉลี่ยวันละ 311 คนในปีงบประมาณ 2567 ตำรวจแจ้งว่า เมื่อวานนี้จับกุมผู้ชุมนุม 197 คน […]

นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

ดอนเมือง 11 มิ.ย.- นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมให้กำลังใจกำลังพล กองกำลังสุรนารี และพบปะประชาชนที่ด่านช่องจอม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ตำบลร่อนทอง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดสุรินทร์ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา จากนั้น เวลา 11.05 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางต่อไปเป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์การคลี่คลายปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ณ ห้องประชุมอัมพรพิมาน โรงพยาบาลกาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี […]