กรุงเทพฯ 24 ก.พ.- ททท. เชื่อยอดโควิดพุ่งสูง ไม่มีผลกับการตัดสินใจมาเที่ยวไทย และการผ่อนคลาย เทส เเอนด์ โก จะช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า หลังจากที่ ศบค.ชุดใหญ่ ถึงการปรับมาตรการป้องกันโรค-19 สำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำเสนอ ว่า จากเดิมต้องตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง ในวันที่มาถึง และวันที่ 5 มีการปรับเป็นวันแรกที่มาถึงตรวจด้วย RT-PCR ส่วนวันที่ 5 ตรวจด้วย ATK ลดวงเงินประกันภัยคุ้มครองจาก 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นไม่ต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ ททท.พยายามที่จะนำเสนอขอผ่อนคลายต่อ ศบค.มานาน หลังมีข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะสถานการณ์การท่องเที่ยวในเวลานี้กลับมามีการแข่งขันที่สูงอีกครั้ง ทั้งที่สถานการณ์ของโรคโควิดจะยังไม่นิ่ง แม้ว่าที่ผ่านมา ไทย จะเป็นประเทศแรกๆที่เปิดตัว ว่าพร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ทำให้ได้เปรียบในหลายประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน แต่เมื่อมีการระบาดรอบล่าสุด หน่วยงานด้านสาธารณสุขกลับมาเข้มมาตรการอีกครั้ง ทำให้โอกาสในการเติบโตของการท่องเที่ยวต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ และเมื่อกลับมาใช้ เทส แอนด์ โก อีกครั้งก็ยังติดเรื่องการทำ
RT-PCR 2 ครั้ง คือ ในวันแรก และวันที่ 5 ซึ่งเมื่อดูประเทศคู่แข่งอย่างสิงคโปร์ที่เปิดประเทศหลังไทย กลับใช้มาตรการดูแค่การฉีควัคซีนครบโดสตามที่กำหนดเท่านั้นก็สามารถเข้าประเทศได้แล้ว ดังนั้นการผ่อนคลายครั้งนี้น่าจะทำให้ไทยกลับมาแข่งขันในตลาดการท่องเที่ยวได้อีกครั้ง แม้จะไม่สามารถทำได้อย่างประเทศอื่นที่ดูแค่การฉีดวัคซีน เพราะภาคการท่องเที่ยวทำงานร่วมกับสาธารณสุข ต้องหาจุดร่วมตรงกลางที่ความปลอดภัยก็ต้องมี ภาคธุรกิจก็จะยังไปต่อได้ จึงเกิดการผ่อนปรนในลักษณะดังกล่าว อย่างน้อยเชื่อว่าจะช่วยทำให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจมาไทยได้ง่ายขึ้น รวมถึงประเทศไทย จะกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆที่นักท่องเที่ยวจะมาจากการผ่อนคลายดังกล่าว
ถามว่า ททท.คาดหวังกับตัวเลขนักท่องเที่ยวหลังการผ่อนคลายรอบใหม่อย่างไร เพราะสถานการณ์ตัวเลขโควิดในไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น รองผู้ว่าฯททท. ระบุว่า เรื่องตัวเลขคงจะประเมินและคาดหวังได้ยากในช่วงเวลานี้ แต่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในเวลานี้ โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างอเมริกา หรือยุโรป ไม่ได้ดูตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นหลัก เพราะเรื่องนี้เชื่อว่านักท่องเที่ยวตัดสินใจเองได้ รวมทั้งประเทศ หรือทวีปที่นักท่องเที่ยวมาอยู่จุดที่หนักกว่าไทยมา และไทยมีจุดแข็งเรื่องวินัยด้านการป้องกันตัวดีมากอยู่แล้ว ทั้งการใส่หน้ากาก การฉีดวัคซีน และระบบการรักษา ยิ่งเชี่อว่าจะยิ่งเป็นจุดเด่นด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และการเดินหน้าขอผ่อนคลายเพื่อพยายามทำให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวยังอยู่ได้ และเมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น การจ้างงานก็จะเพิ่มมากขึ้นตามมา ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการผ่อนคลายครั้งนี้ คือ สร้างรายได้ให้ภาคท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และสร้างความเข้มแข็งให้กับการแข่งขันทางธุรกิจในช่วงเวลาหลังจากนี้ที่ทุกประเทศทั่วโลกจะทยอยหันมาเปิดประเทศรับการเดินทางมากขึ้น ทั้งนี้ในช่วงวันที่ 1-21 ก.พ. 2565 มีผู้ยื่นขอ Thailand Pass รวมแล้ว 306,056 คำขอ และได้รับการอนุมัติแล้ว 301,647 คำขอ คิดเป็น 98.56% ของคำของทั้งหมด ขณะที่การตรวจสอบเอกสารการได้รับวัคซีน และอนุมัติสะสมแล้ว 80%