พบเด็กติดโควิดสูงขึ้นทั้งจาก รร.-คนในครอบครัว

กรุงเทพฯ 10 ก.พ. – สธ.ระบุพบเด็กติดโควิดสูงขึ้นทั้งจากโรงเรียนและคนในครอบครัว พร้อมแจงแผนการฉีดวัคซีน เร่งสกัดอัตราป่วยและแพร่เชื้อไปยังผู้สูงอายุที่ยังมียอดเสียชีวิตสูง


นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โควิดในประเทศไทยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่อยากให้สนใจที่ตัวเลขผู้ป่วยรุนแรงและผู้เสียชีวิตมากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน เนื่องจากสายพันธุ์โอไมครอนไม่ได้มีอาการรุนแรงมากนัก โดยวันนี้มีผู้ป่วยปอดอักเสบ 563 ราย เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 16 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 114 ราย เพิ่มจากเมื่อวาน 3 ราย ถ้าเทียบกับเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นวันที่ไทยมีการติดเชื้อสูงสุด 23,000 กว่ารายต่อวัน ตอนนี้มีผู้ป่วยปอดอักเสบอยู่ประมาณ 5,600 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจราว 1,111 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตวันนี้อยู่ที่ 20 ราย เป็นกลุ่มผู้สูงวัย และมีโรคเรื้อรัง และมีเพียงรายเดียวที่ได้รับวัคซีนบูทเตอร์โดส ถือว่าสถานการณ์พบผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตค่อนข้างยังคงตัวอยู่ ยังไม่ได้พุ่งขึ้นสูง ส่วนผู้ติดเชื้อที่กำลังรักษามี 105,129 ราย แบ่งเป็น HI, CI และ รพ.สนาม 53,694 ราย ส่วนที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งมีอาการน้อย มีอยู่ 50,872 ราย ดังนั้น ศักยภาพด้านการแพทย์ยังรองรับได้เพียงพอ

อันตราป่วยที่พบเพิ่มขึ้นในช่วงนี้พบมากสุดในวัยทำงาน อายุ 20-29 ปี รองลงมาเป็น 30-39 ปี และในกลุ่มเด็กอายุ 0-9 ปี และ 10-19 ปี ที่พบการติดเชื้อสูงขึ้นค่อนข้างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ผู้ที่มีอัตรการเสียชีวิตสูงสุดในกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไป สูงกว่ากลุ่มเด็กเล็กถึง 200 เท่า ดังนั้น สองกลุ่มนี้ควรเว้นระยะห่างระหว่างกัน และเมื่อวิเคราะห์ในกลุ่มเด็กช่วง 30 มกราคม-5 กุมภาพันธ์ พบว่าในกลุ่มเด็กปฐมปลายไปจนถึงมัธยมต้น ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากที่โรงเรียน แต่ในกลุ่มอายุ 0-4 ปี และ 5-9 ปี ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากคนในครอบครัวเป็นหลัก ขณะที่วัยรุ่นมักติดเชื้อมาจากนอกบ้านและในชุมชน จึงขอให้ทุกช่วงวัยเร่งไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อลดอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิต


นพ.วิชาญ ปานวัน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อในเด็ก เห็นได้ชัดว่าในระลอกหลังๆ ซึ่งเป็นกลุ่มสายพันธุ์เดลตาและโอไมครอน พบมีเด็กติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 5-11 ปี พบกว่าร้อยละ 6 แม้จะมีอาการน้อย แต่สิ่งที่เป็นกังวลคือ เด็กบางคนอาจเกิดภาวะ MIS-C หรือภาวะการอักเสบของอวัยวะหลายระบบ ที่เกิดขึ้นหลังจากการติดเชื้อโควิด ดังนั้น ควรเร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มเด็กเล็ก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และสามารถเปิดโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย

สำหรับความก้าวหน้าในการบริการจัดการวัคซีน สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ได้ดำเนินการฉีดให้เด็กที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เป็นกลุ่มแรก ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่วนการให้บริการฉีดวัคซีนผ่านระบบสถานศึกษา เริ่มมาตั้งแต่ 7 ก.พ. โดยฉีดให้เด็กนักเรียน ป.6 ที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ก่อนเป็นอันดับแรก และชั้นปีอื่นถัดลงไปตามลำดับ โดยบริหารจัดการวัคซีนผ่านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ในพื้นที่ 76 จัหวัด ขณะที่ใน กทม. บริหารจัดการผ่านสำนักอนามัย กทม., กรมการแพทย์ และกระทรวงอุดมศึกษาฯ โดยวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. สำหรับฉีดกลุ่มเป้าหมายอายุต่ำกว่า 18 ปี มีทั้งวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม สำหรับเด็ก 5-11 ปี และไฟเซอร์ฝาสีม่วง สำหรับเด็ก 12-17 ปี

คำแนะนำการฉีดวัคซีนในกลุ่มอายุต่ำกว่า 18 ปี หากเป็นกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ให้ฉีดไฟเซอร์ฝาสีส้ม 2 เข็ม ห่างกัน 8 สัปดาห์, อายุ 6-17 ปี ให้ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์ และกลุ่มอายุ 12-17 ปี สามารถฉีดไฟเซอร์ฝาสีม่วงได้ 2 เข็ม ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ และสูตรไขว้ ซิโนแวค-ไฟเซอร์ ห่างกัน 4 สัปดาห์


ขณะที่การศึกษาผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนซิโนแวค ในกลุ่ม 3-17 ปี ในประเทศจีน จำนวน 235 ล้านราย มีรายงานเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จำนวน 1.9 หมื่นราย ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ ที่ฉีดในกลุ่ม 5-17 ปี ที่มีการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา พบมีผลข้างเคียงทั่วไป อ่อนเพลียร้อยละ 39.4 ปวดหัวร้อยละ 28 หนาวสั่นร้อยละ 9.8 และมีโอกาสพบภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลังฉีดไฟเซอร์เข็ม 2 ต่อการฉีดวัคซีนจำนวน 1 ล้านโดส ส่วนการศึกษาในประเทศไทยของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ที่ศึกษาภูมิคุ้มกันในวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี หลังได้รับการฉีดวัคซีน พบว่าการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค-ไฟเซอร์ ในกลุ่มวัยรุ่น มีภูมิคุ้มกันใกล้เคียงกับการฉีดไฟเซอร์ 2 เข็ม

ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโควิดในเด็กวัยเรียน ที่ได้รับการอนุญาตให้ฉีดแล้ว มีทั้งวัคซีนเชื้อตายซิโนแวคและซิโนฟาร์ม ขณะนี้ฉีดไปแล้วมากกว่า 25 ล้านโดส ในกลุ่ม 6-17 ปี ที่เป็นเด็กนักเรียนปกติ โดยฉีดให้ 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์ ขณะนี้มีพร้อมให้บริการในพื้นที่แล้ว ส่วนวัคซีน mRNA อย่างไฟเซอร์ ตอนนี้ฉีดไปแล้วมากกว่า 12 ล้านโดส ในเด็กอายุ 5-11 ปี โดยเริ่มฉีดให้กับเด็ก 7 กลุ่มโรค ในโรงพยาบาลก่อน จากนั้นฉีดให้เด็กนักเรียน ป.6, 5, 4, 3, 2, 1 โดยฉีดให้ 2 เข็ม ห่างกัน 8 สัปดาห์ บริษัทผู้ผลิตจะจัดส่งให้สัปดาห์ละ 3-5 แสนโดส.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]