พบเด็กติดโควิดสูงขึ้นทั้งจาก รร.-คนในครอบครัว

กรุงเทพฯ 10 ก.พ. – สธ.ระบุพบเด็กติดโควิดสูงขึ้นทั้งจากโรงเรียนและคนในครอบครัว พร้อมแจงแผนการฉีดวัคซีน เร่งสกัดอัตราป่วยและแพร่เชื้อไปยังผู้สูงอายุที่ยังมียอดเสียชีวิตสูง


นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โควิดในประเทศไทยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่อยากให้สนใจที่ตัวเลขผู้ป่วยรุนแรงและผู้เสียชีวิตมากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน เนื่องจากสายพันธุ์โอไมครอนไม่ได้มีอาการรุนแรงมากนัก โดยวันนี้มีผู้ป่วยปอดอักเสบ 563 ราย เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 16 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 114 ราย เพิ่มจากเมื่อวาน 3 ราย ถ้าเทียบกับเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นวันที่ไทยมีการติดเชื้อสูงสุด 23,000 กว่ารายต่อวัน ตอนนี้มีผู้ป่วยปอดอักเสบอยู่ประมาณ 5,600 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจราว 1,111 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตวันนี้อยู่ที่ 20 ราย เป็นกลุ่มผู้สูงวัย และมีโรคเรื้อรัง และมีเพียงรายเดียวที่ได้รับวัคซีนบูทเตอร์โดส ถือว่าสถานการณ์พบผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตค่อนข้างยังคงตัวอยู่ ยังไม่ได้พุ่งขึ้นสูง ส่วนผู้ติดเชื้อที่กำลังรักษามี 105,129 ราย แบ่งเป็น HI, CI และ รพ.สนาม 53,694 ราย ส่วนที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งมีอาการน้อย มีอยู่ 50,872 ราย ดังนั้น ศักยภาพด้านการแพทย์ยังรองรับได้เพียงพอ

อันตราป่วยที่พบเพิ่มขึ้นในช่วงนี้พบมากสุดในวัยทำงาน อายุ 20-29 ปี รองลงมาเป็น 30-39 ปี และในกลุ่มเด็กอายุ 0-9 ปี และ 10-19 ปี ที่พบการติดเชื้อสูงขึ้นค่อนข้างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ผู้ที่มีอัตรการเสียชีวิตสูงสุดในกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไป สูงกว่ากลุ่มเด็กเล็กถึง 200 เท่า ดังนั้น สองกลุ่มนี้ควรเว้นระยะห่างระหว่างกัน และเมื่อวิเคราะห์ในกลุ่มเด็กช่วง 30 มกราคม-5 กุมภาพันธ์ พบว่าในกลุ่มเด็กปฐมปลายไปจนถึงมัธยมต้น ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากที่โรงเรียน แต่ในกลุ่มอายุ 0-4 ปี และ 5-9 ปี ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากคนในครอบครัวเป็นหลัก ขณะที่วัยรุ่นมักติดเชื้อมาจากนอกบ้านและในชุมชน จึงขอให้ทุกช่วงวัยเร่งไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อลดอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิต


นพ.วิชาญ ปานวัน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อในเด็ก เห็นได้ชัดว่าในระลอกหลังๆ ซึ่งเป็นกลุ่มสายพันธุ์เดลตาและโอไมครอน พบมีเด็กติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 5-11 ปี พบกว่าร้อยละ 6 แม้จะมีอาการน้อย แต่สิ่งที่เป็นกังวลคือ เด็กบางคนอาจเกิดภาวะ MIS-C หรือภาวะการอักเสบของอวัยวะหลายระบบ ที่เกิดขึ้นหลังจากการติดเชื้อโควิด ดังนั้น ควรเร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มเด็กเล็ก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และสามารถเปิดโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย

สำหรับความก้าวหน้าในการบริการจัดการวัคซีน สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ได้ดำเนินการฉีดให้เด็กที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เป็นกลุ่มแรก ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่วนการให้บริการฉีดวัคซีนผ่านระบบสถานศึกษา เริ่มมาตั้งแต่ 7 ก.พ. โดยฉีดให้เด็กนักเรียน ป.6 ที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ก่อนเป็นอันดับแรก และชั้นปีอื่นถัดลงไปตามลำดับ โดยบริหารจัดการวัคซีนผ่านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ในพื้นที่ 76 จัหวัด ขณะที่ใน กทม. บริหารจัดการผ่านสำนักอนามัย กทม., กรมการแพทย์ และกระทรวงอุดมศึกษาฯ โดยวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. สำหรับฉีดกลุ่มเป้าหมายอายุต่ำกว่า 18 ปี มีทั้งวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม สำหรับเด็ก 5-11 ปี และไฟเซอร์ฝาสีม่วง สำหรับเด็ก 12-17 ปี

คำแนะนำการฉีดวัคซีนในกลุ่มอายุต่ำกว่า 18 ปี หากเป็นกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ให้ฉีดไฟเซอร์ฝาสีส้ม 2 เข็ม ห่างกัน 8 สัปดาห์, อายุ 6-17 ปี ให้ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์ และกลุ่มอายุ 12-17 ปี สามารถฉีดไฟเซอร์ฝาสีม่วงได้ 2 เข็ม ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ และสูตรไขว้ ซิโนแวค-ไฟเซอร์ ห่างกัน 4 สัปดาห์


ขณะที่การศึกษาผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนซิโนแวค ในกลุ่ม 3-17 ปี ในประเทศจีน จำนวน 235 ล้านราย มีรายงานเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จำนวน 1.9 หมื่นราย ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ ที่ฉีดในกลุ่ม 5-17 ปี ที่มีการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา พบมีผลข้างเคียงทั่วไป อ่อนเพลียร้อยละ 39.4 ปวดหัวร้อยละ 28 หนาวสั่นร้อยละ 9.8 และมีโอกาสพบภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลังฉีดไฟเซอร์เข็ม 2 ต่อการฉีดวัคซีนจำนวน 1 ล้านโดส ส่วนการศึกษาในประเทศไทยของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ที่ศึกษาภูมิคุ้มกันในวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี หลังได้รับการฉีดวัคซีน พบว่าการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค-ไฟเซอร์ ในกลุ่มวัยรุ่น มีภูมิคุ้มกันใกล้เคียงกับการฉีดไฟเซอร์ 2 เข็ม

ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโควิดในเด็กวัยเรียน ที่ได้รับการอนุญาตให้ฉีดแล้ว มีทั้งวัคซีนเชื้อตายซิโนแวคและซิโนฟาร์ม ขณะนี้ฉีดไปแล้วมากกว่า 25 ล้านโดส ในกลุ่ม 6-17 ปี ที่เป็นเด็กนักเรียนปกติ โดยฉีดให้ 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์ ขณะนี้มีพร้อมให้บริการในพื้นที่แล้ว ส่วนวัคซีน mRNA อย่างไฟเซอร์ ตอนนี้ฉีดไปแล้วมากกว่า 12 ล้านโดส ในเด็กอายุ 5-11 ปี โดยเริ่มฉีดให้กับเด็ก 7 กลุ่มโรค ในโรงพยาบาลก่อน จากนั้นฉีดให้เด็กนักเรียน ป.6, 5, 4, 3, 2, 1 โดยฉีดให้ 2 เข็ม ห่างกัน 8 สัปดาห์ บริษัทผู้ผลิตจะจัดส่งให้สัปดาห์ละ 3-5 แสนโดส.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]