สำนักข่าวไทย 6 ก.พ.-อธิบดีกรมควบคุมโรค แจงทิศทางนโยบายการคุมโควิด หลังติดเชื้อเพิ่มแตะหลักหมื่นติดต่อกัน 2 วัน ย้ำต้องก้าวผ่านตัวเลขติดเชื้อ เพราะเป็นเหมือนกันทั่วโลก เน้นอยู่ร่วมชีวิตปกติ แต่ต้อง ลดป่วยหนัก และเสียชีวิต เร่งกลุ่ม 608 ที่ป่วยหนักรับวัคซีนบูสเตอร์โดส
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงแตะหลักหมื่นเป็นวันที่ 2 ว่า สถานการณ์โควิดตอนนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงเหมือนกันทั่วโลก ไม่ต่ำกว่าหมื่นคนต่อวัน ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นโยบายและทิศทางการควบคุมป้องกันโรคเหมือนกันหมด คือการทำอย่างไรให้อยู่ร่วมกับโควิด ไปใช้ชีวิตปกติ จะเห็นว่าทุกประเทศมีการเปิดประเทศ ไม่มีใครกำหนดนโยบาย Covid Zero หรือโควิดเป็นศูนย์ อีกต่อไป ซึ่งไทยเองก็เช่นกัน สิ่งที่ต้องจับตาขณะนี้ไม่ใช่ตัวคนติดเชื้อ แต่เป็นตัวเลข ฃผู้ป่วยหนัก คนใส่ท่อช่วยหายใจและคนเสียชีวิต ซึ่งเป็นจุดที่ต้องแก้ไข
นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า ต้องทำอย่างไรให้กลุ่มคนที่เสี่ยงป่วยหนักและเสียชีวิตลดลง นี่ถือทิศทางสำคัญของการรับมือกับโควิด แม้ว่าโอไมครอนจะไม่รุนแรงเท่ากับเดลตา แต่ติดง่ายในครอบครัว มากกว่า 50% หากมีคนป่วย 1 คน แทบจะครึ่งหนึ่งของคนในครอบครัวจะติดเชื้อ และหากมีผู้สูงอายุก็เสี่ยงป่วยหนักและเสียชีวิต ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลตัวเลขของคนป่วยหนัก และเสียชีวิต ใส่ท่อ ล้วนแต่เป็นคนกลุ่ม 608 และไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือบูสเตอร์โดส ดังนั้นขอให้ผู้สูงอายุ หรือคนกลุ่มเสี่ยงที่ถึงกำหนดรับวัคซีนบูสเตอร์โดสแล้ว อย่านิ่งนอนใจให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต
นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า ส่วนการรับวัคซีนในกลุ่มเด็ก 5-11 ปี ที่ผ่านมา 1 สัปดาห์ ฉีดไป 20,000 คน ซึ่งเป็นกลุ่มเด็กป่วยโรคเรื้อรัง ซึ่งทางกรมควบคุมโรคไม่ได้เร่งรัด ขอเพียงผู้ปกครองและเด็กทำความเข้าใจตรงกัน เพราะการรับวัคซีนเป็นเรื่องของความสมัครใจ และในสัปดาห์นี้ ตั้งแต่ 7 ก.พ. จะเริ่มมีการฉีดวัคซีนในเด็กทั่วไป เชื่อว่าขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการกำลังเตรียมความพร้อมดำเนินการ ส่วนที่ อย.อนุมัติขึ้นทะเลียนวัคซีนซิโนแวค ซิโนฟาร์มให้ฉีดกับเด็ก 6ปีขึ้นไปนั้น ก็จะเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับผู้ปกครอง และเด็ก สามารถเลือกวัคซีนฉีดเองได้ เพราะการรับวัคซีนเป็นเรื่องของความสมัครใจ อีกทั้งวัคซีนในเด็กก็มีมาก จึงเปิดให้เลือก โดยย้ำว่าวัคซีนทุกตัวที่ผ่านการขึ้นทะเบียนของ อย.มีความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย