สธ. 31 ม.ค.- อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้ไม่พ้นปี 65 โควิดระบาดใหญ่สงบ แต่จะเข้าสู่โรคประจำถิ่น หรือโรคติดต่อทั่วไป ยังต้องติดตาม เพราะมีผลกับการควบคุมโรคตามกฎหมายใน พ.ร.บ.โรคติดต่อ พร้อมเผยคณะกรรมการเสริมสร้างภูมิอนุมัติสูตรฉีดวัคซีนทริปเบิล A (Az+Az+Az) ได้
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงนิยามโรคตามกฎหมาย และตามวัตถุประสงค์ เพื่อการควบคุมโรค ว่าในส่วนของ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 “โรคติดต่อ” หมายถึง โรคที่เกิดจากเชื้อโรคหรือพิษของเชื้อโรค ซึ่งสามารถแพร่โดยทางตรงหรือทางอ้อมมาสู่คน ส่วน “โรคติดต่ออันตราย” หมายความว่า โรคติดต่อที่มีความรุนแรงสูงและสามารถแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโควิด-19 อยู่ในกลุ่มนี้ เช่นเดียวกันอีก 14 กลุ่มโรค อาทิ ไข้เหลือง, ทรพิษ, อีโบลา, มาร์บวร์ก, ซาร์ส และเมอร์ส เป็นต้น ต้องมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ ให้มีอำนาจในการควบคุมป้องกัน ส่วน “โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง” หมายความว่า โรคติดต่อที่ต้องมีการติดตามตรวจสอบ หรือจัดเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง มีถึง 55 โรค เช่นโรคไข้เลือดออก ต้องมีการรายงาน
และในส่วน “โรคระบาด” หมายความว่า โรคติดต่อหรือโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคแน่ชัด ซึ่งอาจแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง หรือมีภาวะของการเกิดโรคมากผิดปกติกว่าที่เคยเป็นมา ทั้งนี้ โควิด-19 มีแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว (Pandemic) ไปทั่วโลก คาดว่าภายในปี 2565 การระบาดใหญ่น่าจะผ่านพ้นไป และอาจจะก้าวไปสู่โรคประจำถิ่น หรือโรคติดต่อทั่วไป หรือที่เรียกว่าเข้าสู่ช่วง (Post pandemic ) แต่ยังต้องติดตาม เพราะการเป็นโรคติดต่อทั่วไป ต้องหมายความว่าสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสนั้นไม่มีการกลายพันธุ์เพิ่ม อัตราตายคงที่ ยังไม่สามารถระบุช่วงเวลาได้
นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนที่นักวิชาการระบุว่าในอนาคตโควิดจะกลายเป็นโรคตามฤดูกาล ไม่ใช่โรคประจำถิ่น เรื่องนี้ยังต้องติดตาม เพราะในไข้หวัดใหญ่ที่เป็นโรคตามฤดูกาลเกิดขึ้นในช่วงฤดูและฤดูหนาว แต่ไข้เลือดออก เดิมก็เป็นโรคอุบัติเหตุใหม่มาก่อน โดยเริ่มพบตั้งแต่ปี 2500 แต่เมื่อเวลาผ่านมาก็กลายเป็นโรคประจำถิ่น และต้องมีการเฝ้าระวังตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ เพราะมีการระบาดเฉพาะพื้นที่ ตามภาคตะวันตกและภาคใต้ของไทย เช่นเดียวกันโรคเอดส์ ที่เกิดขึ้นในปี 2527 เป็นโรคอุบัติใหม่ และมีการติดต่อทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางเลือด เพศสัมพันธ์ แต่ขณะนี้เอดส์ก็ไม่ถือเป็นโรคติดต่ออันตรายอีกแล้ว และกลายเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ดังนั้น ในส่วนของโควิดยังต้องรอการติดตาม
นพ.โอภาส กล่าวว่า จากการประชุมของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้นกันโรค ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบเพิ่มแนวทางการรับวัคซีนตามที่องค์การอนามัยโลก โดยระบุสูตรวัคซีนแบบไขว้ที่เดิมประเทศไทยใช้ฉีดเป็นพื้นฐาน จากเดิมวัคซีนชนิดเชื้อตาย ตามด้วยวัคซีน ชนิดไวรัลเวกเตอร์ และจึงตามต่อด้วยวัคซีนชนิด m-RNA เป็นสามารถฉีดสูตรไขว้ชนิด m-RNA ก่อน แล้วตามด้วยไวรัลเวกเตอร์ โดยฉีดห่างกัน 4 สัปดาห์
ส่วนคนที่เคยติดเชื้อโควิดมาแล้ว สามารถรับวัคซีนได้หลังหายป่วยภายใน 1 เดือน โดยไม่ต้องรอ 3 เดือนเหมือนในอดีต และยังได้อนุมัติให้สามารถฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นเข็ม 3 ได้ หลังจากรับวัคซีนแอสตราฯ มาแล้ว 2 เข็ม ทั้งนี้ เป็นการอ้างอิงจากผลการศึกษาในประเทศอังกฤษ และสำหรับวัคซีนในเด็ก ที่รับซิโนฟาร์มไปแล้ว 2 เข็ม ทำให้เข็มกระตุ้นต่อไปต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียน คือ ไฟเซอร์ และหาก อย.มีการอนุมัติการขึ้นทะเบียนวัคซีนซิโนแวคในเด็กก็สามารถฉีดให้เด็กอายุ 3-17 ปีได้ทันที.-สำนักข่าวไทย