สอจร.เสนอมาตรการป้องกัน-รูปแบบลดอุบัติเหตุทางม้าลาย

กทม. 30 ม.ค.- ‘หมอกระต่าย’ ไม่ใช่เคสแรก สอจร.ชี้ 6 ปี คนเดินเท้าบาดเจ็บอุบัติเหตุบนถนน 224,068 คน เฉลี่ยปีละ 41,000 เสนอ 5 มาตรการป้องกัน 11 รูปแบบลดอุบัติเหตุทางม้าลาย เตือนผู้ใช้รถขับขี่ด้วยความระมัดระวัง คิดเสมอว่ามีคนเดินเท้าใช้ถนนร่วมด้วย

นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ประธานแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผู้เชี่ยวชาญในคณะที่ปรึกษาขององค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันการบาดเจ็บ และ รองประธานอนุกรรมการศึกษาเสนอแนะแนวทางป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน วุฒิสภา กล่าวว่า จากกรณีของ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย ที่ถูกรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ชนขณะข้ามทางม้าลายจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนเดินข้ามถนนถูกชนเสียชีวิตตรงทางม้าลาย ข้อมูลการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน ปี 2559-2564 ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าคนเดินเท้าบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนถนนรวม จำนวน 224,068 คน เฉลี่ย 41,000 คนต่อปี ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก และยังพบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของคู่กรณีที่เป็นเหตุให้คนเดินเท้าบาดเจ็บ คือ รถจักรยานยนต์


“ทางเครือข่าย สอจร.ขอเสนอมาตรการสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุสำหรับคนข้ามถนนบนทางม้าลาย ดังนี้

  1. มาตรการด้านวิศวกรรมจราจร ที่ทำให้รถต้องชะลอความเร็วเมื่อขับผ่านทางม้าลาย
  2. มาตรการด้านกฎหมายที่จำกัดความเร็วเมื่อขับผ่านแหล่งชุมชน โรงพยาบาล โรงเรียน ตลาด และ ทางม้าลาย
  3. มาตรการด้านการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจัง สำหรับผู้กระทำผิด
  4. มาตรการด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ สร้างความตระหนักของผู้ใช้รถใช้ถนน แจ้งข่าวการเอาจริงในการบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนการขอความร่วมมือประชาชน ในการเป็นตาอาสาจราจร แจ้งเหตุรถที่ไม่จอดให้คนข้ามถนน
  5. มาตรการด้านการกำกับติดตามประเมินผล หน่วยงานที่รับผิดชอบทุกภาคส่วน จะต้องถือว่าคนเดินถนนเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญเหมือนผู้ใช้รถใช้ถนนกลุ่มอื่น ๆ จึงต้องมีมาตรการเพื่อปกป้องคนเดินถนนไม่ให้บาดเจ็บ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ” นพ.วิทยา กล่าว

นพ.วิทยา กล่าวต่อว่า รูปแบบทางข้ามมาตรฐานจะต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ


  1. ทางม้าลาย
  2. เส้นหยุดแบบ Advance Stop Line มีระยะหยุดห่างจากทางม้าลาย เพื่อเพิ่มมุมมองการมองเห็น
  3. เส้น Optical Speed Bar (O.S.B.) เพื่อบีบช่องจราจรให้แคบลง
  4. ป้ายเตือนว่ามีทางข้าม
  5. สัญลักษณ์บนผิวจราจรเพื่อเพิ่มความชัดเจนของผู้ขับขี่
  6. เพิ่มกรวยยางให้เห็นชัดขึ้น และเพื่อบีบช่องจราจรให้แคบลง
  7. ติดสัญญาณไฟกระพริบ
  8. ทำเกาะกลางข้ามถนนให้คนข้ามได้หยุดพัก
  9. ราวข้างถนนเพื่อบังคับให้คนข้ามต้องข้ามถนนตรงทางม้าลายเท่านั้น
  10. มีไฟส่องสว่างให้เห็นได้ชัดยามกลางคืน
  11. จุดถนนที่มีคนข้ามจำนวนมาก ต้องติดสัญญาณไฟเขียว ไฟแดง เพื่อให้รถหยุดให้คนข้าม

ทั้งนี้ ผู้ขับขี่รถทุกคนจะต้องคิดเสมอว่า บนท้องถนนก็มีคนเดินถนนที่จะต้องใส่ใจ ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ