กรุงเทพฯ 27 ม.ค. – กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด ติดตามกรณีพบน้ำมันรั่วไหลจากท่อรับน้ำมันดิบใต้ทะเลที่ จ.ระยอง โดยให้ประสานข้อมูลและลงพื้นที่เพิ่มเติมร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ พร้อมแนะนำให้ประชาชนเตรียมการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ
วันนี้ (27 มกราคม 2565) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวพบน้ำมันรั่วไหลจากท่อรับน้ำมันดิบใต้ทะเลที่ อ.มาบตาพุด จ.ระยอง นั้น กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จ.ชลบุรี (สคร.6 ชลบุรี) ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ จากรายงานเบื้องต้นพบว่า เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหล เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 25 มกราคม 2565 จำนวน 400,000 ลิตร บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำตามขั้นตอนการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน หยุดกิจกรรมในพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมดตามขั้นตอนความปลอดภัย โดยสามารถควบคุมสถานการณ์และหยุดการรั่วไหลได้ ในเวลา 00.18 น. ของวันที่ 26 มกราคม 2565
“จากเหตุการณ์ดังกล่าว ประชาชนในพื้นที่อาจได้รับผลกระทบจากสารเคมีกลุ่มไฮโดรคาร์บอน ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ และระบบประสาทส่วนกลาง เมื่อสูดดมเข้าไปหรือสัมผัสทางผิวหนัง ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองดวงตา ผิวหนัง แสบจมูก แสบคอ คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ หากสูดดมเข้าไปในปริมาณมาก อาจทำให้หมดสติ และส่งผลกระทบในระยะยาว อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพ” นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อปฏิบัติกรณีน้ำมันรั่วไหลทางทางทะเล มีดังนี้ 1. หากมีการสัมผัสที่ผิวหนังหรือตา ให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาด และหากมีการกลืนกิน ให้รีบดื่มน้ำตามในปริมาณมากๆ และรีบไปพบแพทย์ 2. ควรเฝ้าระวังและสังเกตอาการตนเองและบุคคลรอบข้าง หากมีอาการข้างต้น หรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ 3. ไม่ควรรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนคราบน้ำมัน 4. ห้ามนำปลาทะเลหรือสัตว์ทะเลที่ตายและถูกคลื่นซัดขึ้นมาที่ชายหาดมารับประทาน
นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคได้ติดตามเฝ้าระวังสุขภาพ ทั้งกลุ่มเจ้าหน้าที่ คนทำงาน และประชาชน อย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ สนับสนุนอุปกรณ์ที่คุ้มครองความปลอดภัย และแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ระวังผลกระทบทางสุขภาพ โดยการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง. – สำนักข่าวไทย