กรุงเทพฯ 23 ม.ค. – “หมอมนูญ” ย้ำ “โอไมครอน” จะค่อยๆ หมดฤทธิ์ภายในเดือน เม.ย.นี้ แต่ผู้ที่เคยป่วยโควิดอย่าประมาท สามารถติดซ้ำได้อีก ทั้งครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 แต่อาการจะเบากว่าเดิม
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทย กรณีมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เคยติดเชื้อมาแล้วจะกลับมาติดเชื้อซ้ำได้อีกว่า มีความเป็นไปได้สูง เพราะสายพันธุ์ “โอไมครอน” เป็นสายพันธุ์ที่มีความสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันของมนุษย์ได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เคยฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ตาม จะสามารถติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้อีก เพียงแต่ว่าผู้ที่ติดเชื้อซ้ำสายพันธุ์โอไมครอนนั้น อาการจะไม่หนัก หรือบางคนอาจจะไม่มีอาการด้วยซ้ำ ส่วนข้อสังเกตที่ว่า เมื่อติดเชื้อโควิด-19 แล้ว หลังจากนั้น 1-3 เดือน ภูมิต้านทานจะขึ้นสูง สามารถต้านทานการติดเชื้อซ้ำในช่วงเวลานั้นได้หรือไม่ นพ.มนูญ กล่าวว่า การที่ภูมิขึ้นสูงหรือไม่ก็ตาม ไม่เป็นอุปสรรคของโอไมครอน เพราะเชื้อนี้มีลักษณะโปรตีนที่ปุ่มหนาม (spike) ที่เปลี่ยนแปลงไป จากเชื้อโควิด-19 ตัวเดิมๆ ทำให้มีความสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีมาก เพราะฉะนั้นขออย่าประมาท
ส่วนอาการของผู้ที่ติดเชื้อ “โอไมครอน” ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จะมีอาการเบากว่าการติดเชื้อสายพันธุ์อื่น ทั้งผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน หรือผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วก็จะมีอาการเบามากขึ้น
สำหรับอุบัติการณ์ของการติดเชื้อโควิด-19 เป็นครั้งที่ 2 นพ.มนูญ กล่าวว่า ในต่างประเทศพบว่ามีความถี่มาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เคยติดเชื้อตั้งแต่แรกเริ่ม สายพันธุ์อัลฟา เบตา แกมมา เดลตา ก็สามารถติดเชื้อสายพันธุ์ “โอไมครอน” ใหม่ได้ทั้งนั้น และยังอาจมีผู้ที่สามารถติดโควิด-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 3 ได้เช่นเดียวกัน แต่ นพ.มนูญ ย้ำว่า อย่าไปกลัวให้มาก เพราะเชื้อโอไมครอนอาจจะมาถึงเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะถึงจะป้องกันตัวอย่างไร ใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ก็อาจจะมาถึงตัวเราได้ เพราะฉะนั้น ขออย่ากลัวหรือวิตกกังวลมากเกินไป เพราะเชื้อโอไมครอนลดความรุนแรงของตัวมันเองลงแล้ว
นพ.มนูญ ยังกล่าวถึงการที่ตนเคยออกมาเตือนเมื่อเดือนที่แล้วว่า ในไม่ช้าทุกคนต้องติดเชื้อโอไมครอน ซึ่งสอดคล้องกับประเทศสหรัฐอเมริกา ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกมาบอกเช่นกันว่า ในที่สุดคนอเมริกันทุกคนก็จะติดเชื้อ ช้าหรือเร็วเท่านั้น ประการสำคัญที่ควรระวัง คือ การที่ผู้ติดเชื้อโอไมครอนไม่แสดงอาการ จึงสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ง่าย ที่น่าห่วง คือ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง คนไม่เคยฉีดวัคซีน อาจทำให้คนเหล่านี้ป่วยหนัก
นพ.มนูญ ยังให้ความเห็นถึงการที่ไทยจะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5-11 ปีว่า ก็จะยิ่งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้เด็ก เพราะจะได้ไม่มีอาการรุนแรง หรืออาจติดเชื้อแบบไม่มีอาการด้วยซ้ำ
สำหรับข้อระมัดระวังในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ “หมอมนูญ” แนะให้หลีกเลี่ยงไม่เข้าไปในที่ที่มีคนรวมตัวกันแออัด อากาศถ่ายเทไม่ดี ควรรอให้ผ่านช่วงเดือนเมษายนไปแล้ว ซึ่งตนคาดว่าสถานการณ์จะปกติ ดีขึ้น เพราะนอกจากเป็นช่วงฤดูร้อนแล้ว ผู้คนจำนวนมากก็จะมีภูมิคุ้มกันจากโอไมครอนกันมากพอสมควร นำไปสู่การที่ไม่มีความจำเป็นที่เราทุกคนต้องได้รับวัคซีนเข็มที่ 4 ให้เฉพาะผู้ที่ได้วัคซีนแอสตราเซเนกา 2 เข็ม ตามด้วยเข็ม 3 เป็นไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา ก็จะเพียงพอแล้ว ไม่ต้องการการกระตุ้นเพิ่ม ยกเว้นคนที่ฉีดซิโนแวค หรือซิโนฟาร์ม 2 เข็ม ตามด้วยแอสตราเซเนกา เข็ม 3 อาจต้องได้รับเข็มที่ 4 เป็นไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา. – สำนักข่าวไทย