กทม. 16 ม.ค.-ปลัดกรุงเทพมหานคร ออกสุ่มตรวจความพร้อมสถานบริการที่ปรับมาเป็นร้านอาหาร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ กำชับเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19
นายขจิต ชัชวานิตย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะได้เข้าตรวจเยี่ยมสถานบริการและสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบันเทิง ผับ บาร์ ที่ปรับรูปแบบการให้บริการเป็นลักษณะร้านจำหน่ายอาหาร ย่านถนนเลียบทางด่วน เอกมัยรามอินทรา และย่านบางกะปิ โดยตามประกาศกรุงเทพมหานคร อนุญาตให้สถานบริการดังกล่าวปรับรูปแบบการให้บริการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนทางด้านเศรษฐกิจ แต่ต้องผ่านการประเมินด้านความพร้อมตามมาตราฐาน SHA + และมาตราฐานความสะอาดปลอดภัยป้องกันโรคโควิด 19 รองรับวิถีใหม่ จากสำนักงานเขตพื้นที่รับผิดชอบก่อน จึงจะสามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึง 3 ทุ่ม ซึ่งหลักเกณฑ์สำคัญที่ทางปลัดกรุงเทพมหานครให้ความสำคัญคือระบบระบายอากาศในสถานที่ปิด การจัดโต๊ะเว้นระยะห่าง การจัดจุดคัดกรองลงทะเบียน ผู้ใช้บริการหากยังไม่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม ขึ้นไป ต้องผ่านการตรวจ ATK ก่อนเข้าใช้บริการ ตามสถานบริการต้องมีเจลแอลกอฮอล์ให้บริการทั่วถึงและพนักงานบริการลูกค้าในร้านต้องได้รับรับวัคซีนครบ 2 เข็มขึ้นไป
ขณะที่สถานบริการประเภทนี้ในกรุงเทพมหานคร มีทั้งหมด 819 แห่ง ขออนุญาตเปลี่ยนแปลงเป็นร้านอาหารเป็นร้านอาหารได้ 413 แห่ง ได้รับการอนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้แล้ว 198 แห่ง และอีกส่วนอยู่ระหว่างการประเมิน โดยสถานบริการที่ได้รับอนุญาตแล้วจะยังต้องผ่านการสุ่มตรวจจากสำนักงานเขต ตำรวจ และทหารเพื่อรักษามาตราฐาน หากพบการฝ่าฝืนจะมีโทษปรับเป็นลำดับ หรือ ถูกเพิกถอนการอนุญาตได้ทันที
ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครขณะนี้ ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังอยู่ในระดับ 800-900 คน ซึ่งยังไม่ถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤติ ระบบสาธารณสุขของกรุงเทพมหานคร ยังสามารถรองรับผู้ป่วยได้ โดยขณะนี้มีเตียงของภาครัฐและเอกชนรองรับผู้ป่วยถึง 30,000 เตียง โดยผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ได้ตั้งเกณฑ์ขั้นต่ำในการให้บริการผู้ป่วยที่พักรักษาตัวที่บ้านต้องได้ยาภายใน 12 ชั่วโมง หากต้องการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต้องได้เตียงใน 24 ชั่วโมง และหากอาการอยู่ในภาวะวิกฤติก็สามารถใช้บริการจากรถฉุกเฉินผ่านหมายเลข 1669 ได้ทันที.-สำนักข่าวไทย