กทม. 9 ม.ค.- สปสช.จับมือ คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ ธพส.จัดตรวจโควิด-19 เชิงรุกที่ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. ใช้ชุดตรวจ ATK รู้ผลใน 30 นาที ตั้งเป้าตรวจวันละ 1,000 ราย เริ่มตั้งแต่ 11-21 ม.ค.65 หากพบว่าติดเชื้อจะเข้าสู่ระบบการรักษาตัวที่บ้าน หากอาการแย่ลงจะส่งเข้ารักษาในโรงพยาบาลทันที
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่เริ่มกลับมาระบาดหนักจนมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในพื้นที่ กทม.ขณะเดียวกันก็มีประชาชนที่ต้องการเข้ารับการตรวจหาเชื้อเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล ได้มอบให้ สปสช.ประสานงานคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพิ่มจุดตรวจโควิด-19 เชิงรุก เพื่อสนับสนุนกรุงเทพมหานครและเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน โดยจะเริ่มตรวจตั้งแต่วันที่ 11-21 ม.ค. 2565 (หยุดวันเสาร์-อาทิตย์) เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าตรวจวันละ 1,000 คน จุดตรวจเป็นจุดเดิมที่เคยเปิดตรวจโควิดด้วย ATK เมื่อเดือน ก.ค.2564 คือ ลานจอดรถชั้น 1 อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ โดย คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะเป็นผู้ตรวจ เป็นความร่วมมือระหว่าง สปสช. คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.)
ทพ.อรรถพร กล่าวว่า การตรวจหาเชื้อโควิดดังกล่าว จะใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit หรือ ATK ที่ขึ้นทะเบียนแบบใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ (Professional Use) ซึ่งจะทราบผลตรวจภายใน 30 นาที โดยหากปรากฎว่าผลตรวจเป็นบวกหรือติดเชื้อก็จะเข้าสู่กระบวนการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) หรือในระบบชุมชน (Community Isolation)
“ขอย้ำว่าเราไม่ได้ทอดทิ้งให้ท่านกลับไปอยู่บ้านเฉยๆ เราได้ออกแบบระบบรองรับไว้แล้ว โดยให้สถานพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นคลินิกชุมชนอบอุ่นหรือศูนย์บริการสาธารณสุข ในพื้นที่ที่ท่านพักอาศัยคอยติดตามดูแลสุขภาพของท่าน หากไม่สามารถดูแลที่บ้านได้เนื่องจากสภาพที่อยู่อาศัยไม่พร้อมก็จะเป็นการดูแลโดยชุมชนในสถานที่ที่ชุมชนจัดไว้ เช่น ศาลาวัด หอประชุมโรงเรียน ซึ่งขณะนี้กรุงเทพมหานคร รวมถึงภาคประชาสังคมได้ดำเนินการแล้ว โดยเมื่อทราบผลว่าติดเชื้อซึ่งส่วนใหญ่การพบการติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มการตรวจเชิงรุกคือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่มีอาการหรือกลุ่มสีเขียว ก็จะมีการรายงานผลเข้าระบบฐานข้อมูลของ สปสช. ส่วนท่านกลับไปกักตัวที่บ้านก่อน อย่าออกไปไหน สปสช.จะจับคู่สถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อการดูแลให้ ซึ่งก็จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไปหาท่านภายใน 6 ชั่วโมงตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้” ทพ.อรรถพร กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้าสู่ระบบการรักษาที่บ้านจะได้รับการดูแลติดตามอาการ บริการส่งยา ส่งอาหาร ส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาทิ ที่วัดไข้แบบดิจิทัล เครื่องวัดค่าออกซิเจนปลายนิ้ว เป็นต้น ในกรณีที่จำเป็นอาจได้รับการเอกซเรย์ปอด การตรวจ RT-PCR จนหายป่วย หรือส่งต่อไปรักษาต่อในโรงพยาบาลกรณีอาการเปลี่ยนแปลง
สำหรับ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบการรักษา ให้ดำเนินการตามนี้เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาที่บ้าน (Home Isolation)
- โทร. สายด่วน สปสช. 1330 กด 14 หรือ
- กรอกข้อมูลที่ https://crmsup.nhso.go.th/#TicketHI
- เข้าทางไลน์ สปสช.โดยเพิ่มเพื่อน @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 (เลือกเมนูบริการเกี่ยวกับโควิด-19 หลังจากนั้นเลือกลงทะเบียนเข้าสู่ระบบการดูแลที่บ้าน (Home Isolation)
ต่างจังหวัดสามารถติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือ รพ.สต.ใกล้บ้านได้ แต่หากไม่สะดวก ติดต่อ 3 ช่องทางข้างต้น (ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง) ได้เช่นกัน ภายใน 6 ชั่วโมงจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับเพื่อประเมินอาการเบื้องต้น (หากยังไม่ได้รับการติดต่อกลับภายใน 6 ชั่วโมงขอให้โทร.แจ้งที่สายด่วน สปสช. 1330 อีกครั้ง ทางเจ้าหน้าที่จะติดตามให้) โดยเจ้าหน้าที่จะประสานและจับคู่กับสถานพยาบาลเพื่อรักษาตามระบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้านต่อไป กรณี โทร.สายด่วน 1330 ไม่ติด เนื่องจากมีประชาชน โทร.เข้ามามาก ไม่ต้องกังวล สปสช.จัดเจ้าหน้าที่โทรกลับสายที่โทรไม่ติดเพื่อรับข้อมูลเข้าระบบ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือไลน์ สปสช. คลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso หรือไลน์ สปสช-ตรวจโควิด พิมพ์เพิ่มเพื่อน @218qffqr .-สำนักข่าวไทย