กรุงเทพฯ 18 ธ.ค. – ประกันสังคม พร้อมเดินหน้าปฏิรูประบบบำนาญชราภาพ กองทุนประกันสังคม สร้างเสถียรภาพและความยั่งยืนให้กับบำนาญชราภาพ เพื่อผู้ประกันตน
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงการเสนอข่าวของสื่อออนไลน์ จากนักวิจัยเขียนวิเคราะห์ เตือนกองทุนประกันสังคมจะมีปัญหาความยั่งยืนที่ชัดเจนภายใน 10 ปี หากไม่มีการดำเนินการนโยบายใดๆ โดยเฉพาะกองทุนชราภาพจะมีปัญหาสูงที่สุด และเสนอแนะทางแก้ไขเชิงนโยบายให้สำนักงานประกันสังคมปรับเพิ่มหรือยกเลิกเพดานค่าจ้างสูงสุด ปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบ รวมทั้งขยายอายุเกิดสิทธิรับบำนาญอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งในเรื่องดังกล่าว สำนักงานประกันสังคม ได้เล็งเห็นสภาพปัญหาที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในอนาคต พร้อมทราบดีถึงสถานการณ์ดังกล่าว และเป็นผู้ประเมินสถานะกองทุนร่วมกับงานวิจัยหลายๆ ฉบับที่ข่าวอ้างถึง โดยสำนักงานประกันสังคมมีนโยบายปฏิรูปตามข้อเสนอแนะของผู้เขียนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2559 ทั้งนี้ การดำเนินการจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และทำในช่วงสถานะเศรษฐกิจที่เหมาะสม
อย่างไรก็ดี สำหรับความคืบหน้าในส่วนการแก้ไขกฎหมาย ได้แก่
1) สำหรับการปรับเพิ่มเพดานค่าจ้าง ในลำดับแรก สปส.ได้เสนอปรับเพิ่มเพดานค่าจ้างเป็น 20,000 บาท เพิ่มทั้งความยั่งยืนของกองทุน และสิทธิประโยชน์เงินทดแทนกรณีต่างๆ ได้แก่ กรณีชราภาพ ว่างงาน คลอดบุตร เจ็บป่วย ทุพพลภาพ และเสียชีวิต ให้แก่ผู้ประกันตน ทั้งนี้ ชะลอการดำเนินการไว้ เนื่องจากสถานการณ์ของ COVID-19
2) สำหรับการขยายอายุเกิดสิทธิรับบำนาญขั้นต่ำ สปส.ได้เสนอให้ปรับแก้ พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับที่ 5 ขยายจาก 55 เป็น 60 ปี โดยผ่านการประชาพิจารณ์แล้ว ซึ่งการดำเนินการจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ประกันปัจจุบันที่ใกล้เกษียณไม่ได้รับผลกระทบ
3) สำหรับกรณีปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบ สำนักงานฯ ยังไม่ได้เสนอปรับแก้ไขใน พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับที่ 5 โดย สปส. เป็นนโยบายที่ควรดำเนินการในระดับประเทศ ผ่านคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ที่กำลังจะตั้งขึ้น เพื่อให้นโยบายการจัดเก็บเงินสมทบเป็นไปได้อย่างสอดคล้องกันในภาพรวมประเทศ
นายบุญสงค์ กล่าวต่อไปว่า “ผมไม่อยากให้ผู้ประกันตนหวั่นวิตกจนเกินไป เนื่องจาก สปส. มุ่งมั่นปฏิรูปองค์กรและการทำงานตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อไม่ให้ภาระทั้งหมดตกไปถึงมือรุ่นลูกรุ่นหลาน” เลขาธิการ สปส. ระบุ สปส.ได้กำหนดแผนการสร้างความมั่นคงให้กับกองทุนประกันสังคมไว้ในแผนปฏิรูปสำนักงานประกันสังคม โดยกำหนดแนวทางดำเนินการแล้ว เช่น การปรับปรุงเพดานค่าจ้างในการคำนวณเงินสมทบมาพิจารณาปรับใช้เป็นระยะๆ
“เพื่อให้กองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพมีความยั่งยืน และมีเงินเพียงพอที่จะจ่ายบำนาญให้ผู้ประกันตนได้ตลอดไป จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากผู้ประกันตนและนายจ้าง ร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จลุล่วง อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงตามแนวทางใดๆ ย่อมอาจส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงความรู้สึกของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง ดังนั้น ก่อนที่ สปส.จะปรับปรุงการดำเนินการต่างๆ ก็จะสอบถามความคิดเห็นจากผู้มีส่วนร่วมออมเงินทุกฝ่าย เพื่อให้ช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” นายบุญสงค์ กล่าวในตอนท้าย. – สำนักข่าวไทย