“เป๊ก-มิน-แบมแบม” Friends of UNICEF คนใหม่

กทม.16 ธ.ค.- องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ประกาศแต่งตั้ง “เป๊ก-มิน-แบมแบม” เป็น Friends of UNICEF คนใหม่ ร่วมปฏิบัติภารกิจปกป้องสิทธิเด็กและรณรงค์สร้างโอกาสที่เท่าเทียมให้เด็กทุกคนในประเทศไทยและทั่วโลก


ในการแต่งตั้งครั้งนี้ “เป๊ก-มิน-แบมแบม” ได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจในธีม “เด็กทุกคนมีความฝัน” ในรูปแบบ 3-Minutes Stand-Up Talk เป็นครั้งแรก เพื่อสื่อสารว่าเด็กทุกคนต้องได้รับโอกาสที่จะทำตามความฝันของพวกเขา โดยนายอานันท์ ปันยารชุน ทูตสันถวไมตรี องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Friends of UNICEF คนใหม่ทั้ง 3คน ยูนิเซฟต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่นและมีความสามารถในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม เชื่อมั่นว่าความตั้งใจจริงและพลังความสามารถของคุณทุกคนจะมีส่วนช่วยให้เด็กๆ เติบโตและก้าวหน้า ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของสังคมไทยและสังคมโลกอย่างแท้จริง

นางคยองซัน คิม ผู้อำนวยการ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่ายูนิเซฟฉลองการครบรอบ 75 ปีไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เชื่อว่านี่เป็นโอกาสดีในการมี Friends of UNICEF คนใหม่ที่จะมาเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจกับเราในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้ ในขณะที่เราฉลองความสำเร็จในอดีตและเรียนรู้จากมัน เราต้องมองไปข้างหน้าและสร้างอนาคตที่ดียิ่งกว่าเดิมเพื่อเด็ก ๆ ในประเทศไทยและทั่วโลก เราต้องการผู้สนับสนุนและพันธมิตรอย่างเช่น Friends of UNICEFเพื่อช่วยให้ยูนิเซฟเข้าถึงผู้คนและระดมความร่วมมือในการปกป้องสิทธิเด็กและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ณ ตอนนี้ การแพร่ระบาดของโควิด ถือเป็นภัยคุกคามที่หนักหนาที่สุดในประวัติศาสตร์ 75 ปีที่เราเคยพบเจอ วิกฤตนี้สร้างความไม่แน่นอนต่ออนาคตของเด็กและส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น เราต้องรวบรวมสรรพกำลังเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ใหญ่หลวงนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กที่เปราะบางที่สุดถูกทิ้งไว้ข้างหลัง พร้อม ๆ ไปกับการสร้างอนาคตที่ดีกว่าเดิมให้เด็กทุกคน


ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา “เป๊ก-มิน-แบมแบม” ได้ร่วมงานกับยูนิเซฟรณรงค์ประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนมาโดยตลอด และนับจากนี้พวกเขาจะร่วมปฎิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการกับยูนิเซฟเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำ การพัฒนาเด็กปฐมวัยแบบองค์รวม การเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ การปกป้องสิทธิเด็กและเยาวชนการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กและวัยรุ่น รวมทั้งการส่งเสริมสุขภาวะของวัยรุ่น, รณรงค์เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ

สำหรับการแต่งตั้งในครั้งนี้ เป๊ก-มิน รวมทั้ง แบมแบม ซึ่งวิดีโอคอลมาจากเกาหลีได้มาถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองในวัยเด็กในธีม “เด็กทุกคนมีความฝัน” ในรูปแบบ 3-Minute Stand-Up Talk เป็นครั้งแรก เพื่อสื่อสารว่าเด็กทุกคนควรมีโอกาสที่เท่าเทียมกันในการทำตามความฝันของพวกเขา

“เป๊ก”ผลิตโชค อายนบุตร กล่าวว่า ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการปฎิบัติภารกิจกับทางยูนิเซฟ และทำให้ได้มีส่วนช่วยเหลือและมอบโอกาสให้แก่เด็ก ๆจากที่เคยลงพื้นที่พร้อมยูนิเซฟที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ น้องที่เจอนั้นต้องนอนอยู่ในเล้าไก่เพราะที่บ้านไม่มีห้องนอนแล้วพอเจอช่วงโควิดก็ยิ่งลำบาก แถมน้องยังเป็นเด็กเรียนเก่ง ทำให้ตระหนักได้ว่ายังมีเด็กๆ ในหลายพื้นที่ที่ต้องการโอกาสที่เท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นโอกาสทางการศึกษา หรือโอกาสจะได้ไปรักษายามเจ็บป่วย รวมถึงการได้รับการปกป้องคุ้มครองจากอันตรายต่าง ๆ ซึ่งผมจะร่วมมือกับยูนิเซฟอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น


“มิน”พีชญา วัฒนามนตรี กล่าวว่า ทุกๆ โอกาสที่มอบให้เด็กๆ จะช่วยให้พวกเขาเข้าใกล้ความฝันมากขึ้น เป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะช่วยกันสนับสนุนให้เด็กๆมีโอกาสเท่าเทียมกัน และสนับสนุนพวกเขาได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ ดีใจที่ได้ร่วมงานกับยูนิเซฟและพร้อมสร้างความตระหนักให้ผู้ปกครองและคนไทยทุกคนเห็นความสำคัญของการพัฒนาเด็ก เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่สดใสของเด็ก ๆ ไปด้วยกัน

“แบมแบม” กันต์พิมุกต์ ภูวกุล กล่าวว่า ฝันอยากเป็นไอดอลตั้งแต่ 7 ขวบ หลังจากที่แม่พาไปดูคอนเสิร์ตของเรน (ชอง จีฮุน) ทำให้อยากเป็นแบบพี่เรน จึงขอคุณแม่เรียนเต้น และด้วยแรงสนับสนุนของคุณแม่ในวันนั้น ทำให้เป็นแบมแบมในวันนี้ เชื่อว่าเด็กทุกคนมีความสามารถเฉพาะตนที่แตกต่างกัน และผู้ใหญ่ควรสนับสนุนให้ค้นหาความสามารถของตัวเองให้เจอและช่วยให้พวกเขาพัฒนาอย่างเต็มที่ ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของยูนิเซฟในการช่วยให้เด็ก ๆ ได้พัฒนาและทำตามฝันของพวกเขา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]