กรุงเทพฯ 11 ธ.ค. – “อนุทิน” รองนายกรัฐมนตรี ประกาศตั้งแต่ปี 2565 เร่งผลักดันทุกส่วนของพืชกัญชา รวมถึงดอก ช่อดอก เมล็ด ไม่เป็นยาเสพติด เผยประมวลกฎหมายยาเสพติดเริ่มมีผลบังคับ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไม่มีกัญชาเป็นพืชผิดกฎหมาย ส่งเสริมเป็นพืชทางเลือก สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ฟื้นฟูเศรษฐกิจ
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ (11 ธ.ค.64) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในงาน Kick off กัญชาริมฝั่งโขง ที่ถนนสวรรค์ชายโขง หมู่บ้าน 8 ชนเผ่า อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบการเชื่อมโยงระหว่างกัญชาทางการแพทย์ ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่น เป็นอีกโมเดลเศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกพืชกัญชา ผู้ผลิตแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กำหนดให้ทุกกระทรวงเร่งหาแนวทางที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวระหว่างการเป็นประธานในงานฯ ว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายส่งเสริมพืชสมุนไพร ทั้งกัญชา กัญชง กระท่อม โดยให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก คิดค้นนโยบายเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างงานอาชีพให้ประชาชน ทั้งในฐานะผู้ปลูก ผู้ผลิตสินค้า สร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์การแพทย์ทางเลือกในการรักษาโรค
ผลจากนโยบายและการผลักดันที่จริงจัง ทำให้ขณะนี้ในโรงพยาบาลหลักๆ ทั่วประเทศ มีคลินิกกัญชาที่ให้ประชาชนได้รับบริการอย่างทั่วถึง สารสกัดจากพืชกัญชาสามารถรักษา บรรเทาการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ได้ และขณะนี้หน่วยงานภายใต้กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งวิจัยพัฒนาเพื่อคิดค้นผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ทั้งกัญชา กัญชง เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชน โดยไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป จากเดิมต้องแอบใช้ แต่ต่อไปหากประชาชนใช้อย่างถูกวิธี เพื่อดูแลสุขภาพ ภายใต้กฎระเบียบที่สาธารณสุขกำหนด ก็สามารถใช้กัญชาได้ถูกกฎหมาย
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นกรมการแพทย์แผนไทยฯ องค์การอาหารและยา (อย.) สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ผลักดันพืชสมุนไพร กัญชา กัญชง มาได้ระดับหนึ่ง โดยปลดล็อกออกจากยาเสพติดควบคุมประเภทที่ 5 โดยต้น กิ่ง ก้าน ใบ ราก ของกัญชา ไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป และประมวลกฎหมายยาเสพติด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา ในกฎหมายฉบับใหม่นี้ ไม่มีกัญชาและกัญชงเป็นพืชที่ผิดกฎหมายแล้ว
ทั้งนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะประกาศรายชื่อบัญชียาเสพติดฉบับใหม่ทั้ง 5 ประเภท โดยจะไม่มีกัญชาอยู่ในนั้น กำหนดให้สารสกัดกัญชาที่มีทีเอสซีเกินกว่า 02% เท่านั้นจึงจะเป็นยาเสพติด แต่หากเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมัน สารสกัด ผลิตภัณฑ์สบู่ เครื่องสำอาง อาหารเสริมที่มีค่าทีเอสซีต่ำกว่า 0.2% สามารถใช้ได้ทั้งหมด และนี่ไม่ใช่มาตรฐานที่สาธารณสุขหรือประเทศไทยกำหนดขึ้นมาเอง แต่องค์การอนามัยโลกก็กำหนดด้วย
“ที่เราผลักดันได้ไปก่อนหน้านี้ เราบอกว่าเฉพาะต้น ราก ใบ กิ่ง ก้าน เท่านั้นไม่ใช่ยาเสพติด จากนี้ไปตั้งแต่ปี 2565 เราจะผลักดันให้ทั้งต้น ราก กิ่ง ก้าน ใบ ดอก ช่อดอก เมล็ด จะต้องไม่อยู่ในบัญชียาเสพติดอีกต่อไปด้วย นี่คือสิ่งที่น่ายินดีที่เราต่อสู้ให้มันสำเร็จ โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจากโควิด-19 แบบนี้ เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ประชาชนต้องเร่งทำมาหากิน ถ้าเราไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เป็นทางเลือก คนก็จะแย่งกันทำอะไรที่เหมือนๆ กัน แต่ถ้าเรามีทางเลือกให้ เขาจะพัฒนาต่อยอดขึ้นมาเอง เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ โมเดลธุรกิจใหม่ เป็นทางเลือกที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการแก้ไขกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ประโยชน์กัญชาให้มากที่สุด โดยได้ให้นโยบาย อย. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักดูแลการอนุญาตปลูก รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชา ให้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มาขออนุญาตอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ฝากให้ทาง อสม.ไปแจ้งให้พี่น้องประชาชนในชุมชนได้ทราบว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลเกือบทุกแห่งมีคลินิกกัญชา เป็นการแพทย์แผนไทยทางเลือกในการดูแลประชาชน และหลังจากนี้ยาที่ผลิตออกมาจากสารสกัดกัญชาจะนำมาใช้อย่างถูกต้อง อยู่ในบัญชียาหลักให้ประชาชนเข้าได้ผ่านโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดูแลด้วย. – สำนักข่าวไทย