เปิดผลสำรวจภูมิคุ้มกันโควิดคนไทยใน 12 เขตสุขภาพ

สธ.3 ธ.ค.- อธิบดีกรมวิทย์ฯ แจงผลสำรวจภูมิคุ้มกันโควิดในคนไทย 12 เขตสุขภาพ เป็นการสำรวจผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนและไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อมาก่อน พบติดเชื้อแบบไม่รู้ตัวถึง 1.4% โดยพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ พัทลุง ตรัง นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล พบติดเชื้อไม่รู้ตัวมากสุด 6.2%


นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการสำรวจแอนติบอดี้ต่อโควิด-19 ในกลุ่มคนไทยอายุ 18-60 ปี ตามทะเบียนราษฎร ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนและ ไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อมาก่อน โดยสุ่มตัวอย่าง 26,717 คน จาก 30 จังหวัด จาก 12 เขตสุขภาพ โดยทำการสำรวจเมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา เป็นการเจาะเลือดหาแอนติบอดี้ ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบทางสถิติหาว่ามีคนที่ติดเชื้อโดยธรรมชาติในประเทศ และส่งผลให้เกิดการรณรงค์ ฉีดวัคซีนให้ตรงเป้าหมาย ซึ่งภาพรวมพบการติดเชื้อไม่รู้ตัว 371 คน คิดเป็น 1.4% โดยเขตที่พบการติดเชื้อไม่รู้ตัวมากที่สุดได้แก่ เขตสุขภาพที่12 (พัทลุง ตรัง นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล) คิดเป็น 6.2 % รองลงเขตสุขภาพที่ 6 (ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว สมุทรปราการ จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง) คิดเป็น 2.8 ,เขตสุขภาพที่ 5 (กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร) คิดเป็น 2.7% , เขตสุขภาพที่ 4 (นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง นครนายก )คิดเป็น 2.5 % และ เขตสุขภาพที่ 2 (ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ )คิดเป็น 1.7%

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า การสำรวจเกิดขึ้นในช่วงเดือนพ.ย.จึงจะเห็นได้ว่าอัตราการติดเชื้อแบบไม่รู้ตัวในพื้นที่ภาคใต้สูงสุด ซึ่งเมื่อนำข้อมูลการติดเชื้อตามธรรมชาติแบบไม่รู้ตัว มารวมกับคนที่ติดเชื้อและตรวจพบด้วยRT-PCR และรวมการจำนวนคนที่ฉีดวัคซีนครบโดส 2 เข็มหรือ 3 เข็ม โดยเป็นรวมและเปรียบเทียบทางคณิตศาสตร์ ก็จะเท่ากับ จำนวนคนที่มีภูมิคุ้มกันในพื้นที่ โดยการสำรวจครั้งนี้แม้ไม่รวม กทม. โดยใน 12 เขตสุขภาพ พบมีประชากรติดเชื้อแบบไม่รู้ตัวคิดเป็น 1.4% และ มีการติดเชื้อและตรวจพบด้วย RT-PCR 2.6% และเมื่อรวมกับจำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม/โดส พบว่ามี 54.7% ทำให้ภาพรวมไทยมีระดับภูมิคุ้มกันประมาณ 58.7%


ทั้งนี้ หากจำแนกเป็นรายเขตที่น่สนใจได้แก่ เขตสุขภาพที่ 12 หากนำจำนวนคนติดเชื้อตามธรรมชาติที่พบ 6.2% รวมกับ คนตรวจ RT-PCR 3.6% รวมกับ คนฉีดวัคซีน 48% เท่ากับ 57.8% ซึ่งมาดูภาพรวมของการสำรวจจะพบว่าในเขตสุขภาพ ที่ 10 (มุกดาหาร ยโสธร ศรีสะเกษ อุบลราชธานีและอำนาจเจริญ)พบว่ามีคนเวอร์จิ้น ทั้งไม่ได้รับวัคซีน และไม่เคยติดเชื้อจำนวนมาก เมื่อสำรวจพบว่า มีการติดเชื้อ มีการติดเชื้อแบบไม่รู้ตัวตามธรรมชาติ 0.5 % และเมื่อรวมคนติดเชื้อที่ตรวจพบด้วยวิธี RT-PCR 0.3% และรวมกับคนรับวัคซีน 38.9% ทำให้มีภูมิคุ้มกันในพื้นที่รวม 39.7% ถือว่ามีภูมิกันในพื้นที่น้อยที่สุด สะท้อนว่ายังมีกลุ่มคนที่ยังเวอร์จิ้นหรือไม่ได้รับวัคซีนและติดเชื้ออีกมาก ดังนั้นต้องเร่งรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีน ในพื้นที่ ภูมิค้มกันน้อย

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ได้รายงานผลการสำรวจดังกล่าวในที่ประชุม EOCแล้ว ปลัดสธ. ให้ความเห็นว่าตัวผู้มีภูมิคุ้มกันในพื้นที่ รวมถึงคนรับวัคซีน และจำนวนคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนอาจไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง เนื่องจากการสำรวจครั้งนี้ตามทะเบียนราษฎร แต่เตรียมสำรวจ แบบสุ่มหาภูมิคุ้มกันคนไทยภาพรวมโดยเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลของของสุขภาพของประชากร อิงจากข้อมูล สปสช.และประกันสังคม.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึง ส.ค.นี้

ทำเนียบ 14 พ.ค.-รัฐบาลเชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมปีนี้ ทุกสถานพยาบาลทั่วประเทศ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดเตรียมวัคซีนเพื่อป้องกันสายพันธุ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ตามการประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยจัดเตรียมวัคซีนรองรับ 4,570,000 ล้านโดส กระจายหน่วยบริการให้บริการฉีดกลุ่มเป้าหมาย ระบุเป็นวัคซีนป้องกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ A(H1N1), สายพันธุ์ A (H3N2) และ สายพันธุ์ B วิคตอเรีย ที่มีประสิทธิผลและมีความปลอดภัย สปสช. กำหนดเป้าหมายเพื่อฉีดให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ที่แนะนำ 12 -20 สัปดาห์ (สามารถให้ได้ตลอดการตั้งครรภ์) 2. เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี 3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 […]

เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง

สงขลา 14 พ.ค.-“ชัยชนะ” เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง ย้ำพร้อมช่วยเหลือทุกกรณี หากไม่ได้รับความเป็นธรรม นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางเข้าเยี่ยมด.ต.นิสาธิต คงเทพ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง ณ เรือนรับรองตำรวจชายแดนที่ 43 จังหวัดสงขลา โดยในโอกาสนี้ นายชัยชนะได้มอบกระเช้าและเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับครอบครัว นายชัยชนะ ได้พูดคุยกับ ด.ต.นิสาธิต ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าในฐานะประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร หากมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นหรือมีความต้องการความช่วยเหลือในเรื่องใด กรรมาธิการตำรวจพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นอกจากนี้ นายชัยชนะ ยังได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขอโทษประชาชนที่เกิดความไม่สบายใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าพรรคให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบและการแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม.-312.-สำนักข่าวไทย

ปูพรมค้น 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง

ตรัง 14 พ.ค. – ตำรวจปูพรมปิดล้อม 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ล่าสุดตามยึดรถกระบะของกลางที่คนร้ายใช้ไปซื้อยางรถยนต์มาก่อเหตุ เมื่อวานนี้ (13 พ.ค.) ตำรวจสอบสวนกลางนำกำลังร่วมกันตรวจยึดรถกระบะโตโยต้า สีเทาดำ (สงวนหมายเลขทะเบียน) และสิ่งของอื่น ๆ อีกหลายรายการ ที่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือ นายศุภกรณ์ รักวิวัฒน์ หรือ “บิน ควนกุน” อายุ 37 ปี หัวหน้าแก๊งและเป็นผู้มีอิทธิพล, นายจรณชัย สมาธิ หรือ แต้ม อายุ 32 ปี, นายปิยะศักดิ์ สุวรรณมณี หรือ แจ๊ค อายุ 33 ปี และนายรพีพันธ์ บุญเกื้อ […]

แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายยื่นขอความเป็นธรรมปมมติแพทยสภา

สธ. 13 พ.ค. – แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายความส่วนตัวยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อสภานายกพิเศษ กรณีมติที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นายเนติธร หลินหะตระกูล ทนายความส่วนตัวที่ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกสภาพิเศษ กรณีที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภามีมติการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ปม “ทักษิณ ชินวัตร” รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพและเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน เกี่ยวกับการออกใบส่งตัว และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูล หรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งนี้ มีนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับเรื่อง นายกองตรี […]

ข่าวแนะนำ

โป๊ปองค์ใหม่เริ่มใช้งานโซเชียลมีเดีย

วาติกัน 14 พ.ค. – สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงเริ่มใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้หลังทรงได้รับเลือกเป็นพระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงโพสต์ข้อความลงบนสื่อโซเชียลครั้งแรกเมื่อวานนี้ หลังจากทรงได้รับเลือกให้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื้อหาที่โพสต์มาจากพระดำรัสของพระองค์ที่ทรงปราศรัยต่อสาธารณชนครั้งแรก และมีรูปถ่ายบางส่วนซึ่งเป็นภาพในวันแรกที่ทรงเข้ารับตำแหน่งของพระองค์ เนื้อหาข้อความที่โพสต์มีใจความว่า “ขอให้สันติสุขอยู่กับพวกท่านทุกคน นี่คือคำทักทายแรกที่พระคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ ข้าพเจ้าอยากให้คำทักทายแห่งสันติสุขนี้ก้องอยู่ในใจของพวกท่าน ในครอบครัวของท่าน และในหมู่ผู้คนทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดในทุกประเทศ และทั่วโลก” โป๊ปเลโอที่ 14 ทรงเลือกใช้บัญชีแพลตฟอร๋มเอ็กซ์ ที่เป็นบัญชีเดิมที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสผู้ล่วงลับ และสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเคยใช้งานมาก่อนซึ่งบัญชีดังกล่าวมีผู้ติดตามมากถึง 52 ล้านคนจากบัญชีทั้ง 9 ภาษา ส่วนแพล็ตฟอร์มอินสตาแกรมทรงใช้ชื่อบัญชีใหม่ของพระองค์เอง คือ Pontifex – Pope Leo XIV ซึ่งจะเป็นบัญชีอย่างเป็นทางการเพียงบัญชีเดียวบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ที่เป็นของบริษัทเมตา ล่าสุดมียอดผู้ติดตามแล้ว 3.2 ล้านคน.-816.-สำนักข่าวไทย

กมธ.ป.ป.ช. จ่อเชิญอดีตผู้ว่าฯ สตง.แจงข้อสงสัยตึก สตง. ถล่ม

รัฐสภา 14 พ.ค.-กมธ.ป.ป.ช. เชิญกรมบัญชีกลาง-กรมสรรพกร-ผู้ออกแบบตึก สตง. ชี้แจงข้อข้องใจเหตุตึกถล่ม ส่อทุจริต เหล็ก-ปูน ขาดความน่าเชื่อถือในบริษัทที่ก่อสร้าง เตรียมเชิญอดีตผู้ว่าฯ สตง.แจงข้อสงสัย เหตุเป็นผู้บริหารสัญญาตั้งแต่แรก นายฉลาด ขามช่วง ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวก่อนการประชุมถึงการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)แห่งใหม่ถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว ว่า เป็นการประชุมต่อเนื่องจากครั้งที่แล้ว โดยวันนี้ (14 พ.ค.) ได้มีการเชิญกรมบัญชีกลาง ที่มีหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้าง ถูกต้องเป็นธรรมและเป็นไปตามข้อกฎหมายหรือไม่ หรือเป็นการฮั้วกัน และได้เชิญกรมสรรพากรมาชี้แจงเกี่ยวกับการต่อภาษี ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องว่าเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ รวมทั้งเชิญ นายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปี ผู้รับรองแบบอาคาร สตง. และวิศวกรผู้ควบคุมงาน โดยกรรมาธิการจะหาข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เพราะทราบจากเจ้าหน้าที่ สตง.ว่าบุคคลเหล่านี้ยังทำงานอยู่ที่บริษัทเดิมอยู่ ซึ่งจะมาให้ข้อเท็จจริงกับกรรมาธิการเพื่อประกอบการพิจารณา สำหรับเรื่องเหล็กเป็นเรื่องกระบวนการของกระทรวงอุตสาหกรรม เบื้องต้น การนำเหล็กและปูนไปทดสอบนั้น ขณะทดสอบผ่านแน่นอน เพราะเอาวัสดุที่มีคุณภาพ แต่ขณะก่อสร้าง ไม่แน่ใจว่าเอาเหล็กกลุ่มที่ผ่านการทดสอบไปก่อสร้างหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ส่อว่า มีการลดราคา 300 ล้านบาท มีการควบคุมงานและเอาจริงเอาจังหรือไม่ […]

พ่อ “สจ.กอล์ฟ” โพสต์ขอโทษ-ขอโอกาส

กทม. 14 พ.ค.-สส.สมยศ พ่อ สจ.กอล์ฟ โพสต์เฟซบุ๊ก เสียใจ ขอยืนหยัดในอุดมการณ์ทำเพื่อพ่อแม่พี่น้องเหมือนเดิม ขอสังคมยึดหลักกฎหมาย ด้าน กกต. เตรียมเป็นผู้เสียหายร่วมกับ ตชด.ที่ถูกรุมทำร้าย เสนอ อบจ.สงขลา สอบสวนจริยธรรม สมาชิก อบจ.ที่ก่อเหตุ นายสมยศ พลายด้วง สส.เขต3 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ บิดาของ สจ.กอล์ฟ หรือนายสิรดนัย สั่งลูกน้องไปรุมทำร้าย ตชด.ที่ดูแลหน่วยเลือกตั้งจนได้รับบาดเจ็บ เพราะไม่พอใจที่ถูกห้ามถ่ายรูปขณะไปลงคะแนนเลือกตั้ง ออกมาโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก สส.สมยศ พลายด้วง เนื้อหาระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนได้ทำหน้าที่และปฏิบัติตนเพื่อสังคมมาโดยตลอด ทั้งในพื้นที่ เขต 3 และพื้นที่ใกล้เคียง วันนี้ยังขอยืนหยัดในอุดมการณ์ที่จะทำเพื่อพ่อแม่ พี่น้องเหมือนเดิม เพราะเจ้านายของตนคือประชาชน จากเหตุที่เกิดขึ้นขอแสดงเสียใจกับเหตุการณ์เกิดขึ้น แสดงจุดยืนไม่สนับสนุนให้มีการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ และขอให้ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ขอให้สังคมให้โอกาสการทำงานของกระบวนการยุติธรรม และยึดหลักของกฎหมาย ขณะที่ กกต.อยู่ระหว่างพิจารณาเป็นผู้เสียหายร่วมกับ ตชด.ที่ถูกรุมทำร้ายหรือไม่ และพร้อมพิจารณาเสนอให้ อบจ.สงขลา สอบสวนประมวลจริยธรรมของ สมาชิก อบจ.ที่ก่อเหตุในครั้งนี้ […]

พบสารก่อมะเร็ง จากเหตุไฟไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ฉลองกรุง

กรุงเทพฯ 13 พ.ค. – พบสารพิษบางตัวเป็นสารก่อมะเร็ง จากเหตุเพลิงไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ ย่านฉลองกรุง 55 แนะผู้สูดดมไปตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะ.-สำนักข่าวไทย