วัดสร้อยทอง1ธ.ค.- พระมหาไพรวัลย์ งัดกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ อัด ศรีสุวรรณ สึกแล้วทรัพย์สินไม่ต้องคืนวัด อย่าอวดฉลาด พร้อมขนของส่วนตัวออกจากวัดจนเกลี้ยงแล้ว ด้าน สำนักพุทธฯยันทรัพย์สินที่ถวาย “พระมหาไพรวัลย์” ไม่ต้องคืนวัด ขณะที่มส.ยังไม่มีมติแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองรูปใหม่
ความเคลื่อนไหวล่าสุด หลังจากที่พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักเทศน์ดังวัดสร้อยทอง มีความชัดเจนว่าสึกแน่นอน ช่วงวันที่ 4หรือ 5 ธันวาคมนี้ และตอนนี้อยู่ระหว่างรับกิจนิมนต์สุดท้ายที่จังหวัดเชียงราย พร้อมกับ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต วันนี้พบว่าเพจเฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยโพสต์ข้อความค่อนข้างถี่ เริ่มตั้งแต่ขอบคุณพระมหาทองสุข พระลูกศิษย์ ที่ช่วยเป็นธุระในการทำความสะอาดและส่งมอบกุฎิสงฆ์ที่อาตมาเคยพักอาศัยคืนสำนักเรียนวัดสร้อยทอง และขอบคุณบริษัทขนส่งที่รับอาสามาช่วยขนย้ายทรัพย์สิน พร้อมกับโพสต์ ตอบโต้ นายศรีสุวรรณ จรรยา ที่กล่าวหาว่า ทรัพย์สินของพส.ที่ได้มาในขณะอยู่ในสมณเพศต้องตกเป็นของวัด เมื่อพระรูปนั้นลาสิกขา เว้นแต่จำหน่ายจ่ายโอนไปก่อนที่จะสละสมณเพศ ซึ่งพระมหาไพรวัลย์ ได้โพสต์ ระบุว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1623 ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่พระภิกษุนั้นจะได้จำหน่ายไปในระหว่างชีวิตหรือโดยพินัยกรรม ลุงศรีแกจะโง่แล้วขยัน หรือโง่แล้วอวดฉลาดคนเดียว อาตมาไม่มีปัญหานะ แต่ทำไมสื่อทีวีช่องหนึ่ง ต้องพลอยบื้อ พลอยบ้าจี้ตามลุงแกด้วย แล้วสื่อแบบนี้หรือ ที่สังคมจะฝากความประเทืองทางปัญญาอะไรด้วยได้
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่วัดสร้อยทอง พบว่ากุฏิพระมหาไพรวัลย์ ถูกปิดเงียบ และบรรยากาศที่วัดค่อนข้างเงียบเหงา ต่างจากสถานการณ์ปกติที่พระมหาไพรวัลย์ยังอยู่วัด จะมีลูกศิษย์มารอเข้าคิวพบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บรรยากาศการทำบุญเงียบเหงาตามไปด้วย
นายอนุสรชัย ศรีสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลวัด เปิดเผยว่า บริษัทเอกชนนำรถเข้ามาขนย้ายข้าวของของพระมหาไพรวัลย์ไปจนหมด ตั้งแต่เมื่อวาน ช่วงเที่ยง ขนเสร็จก็ราวๆ 2 ทุ่ม ส่วนใหญ่ก็จะเป็น หนังสือและต้นไม้ ซึ่งท่านเป็นคนที่รักต้นไม้มาก ส่วนทรัพย์สินที่ดูมีค่า ก็จะเป็น คอมพิวเตอร์ ที่ท่านใช้ไลฟ์เฟซบุ๊ก ยอมรับว่า รู้สึกใจหายเพราะคลุกคลีกับพระมหาไพรวัลย์มานาน และเป็นพระที่มีความตั้งใจทำให้คนเข้าวัดมากขึ้น ที่สำคัญกลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาหาท่านก็บอกว่า เพิ่งมาวัดสร้อยทองครั้งแรก รู้สึกเสียดายและไม่อยากให้สึก ขณะที่พระลูกวัดสร้อยทอง ก็บอกว่า พระมหาไพรวัลย์ ถือเป็นบุคคลากรทางด้านการศึกษาที่สำคัญของวัดคนหนึ่ง เพราะทำหน้าที่สอนเปรียญธรรม รู้สึกเสียดาย พระที่วัดก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใจกัน เพียงแต่พระมหาไพรวัลย์ ไม่อยากทำให้ครูบาอาจารย์ที่วัดมาเดือดร้อน เพราะเรื่องไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊ค และเชื่อว่าพระมหาไพรวัลย์ คงจะกลับมาวัด แม้ว่าของถูกขนออกไปหมดแล้ว เพื่อมาลารักษาการเจ้าอาวาส เพราะเป็นครูบาอาจารย์ที่เคารพและเป็นอาจารย์ที่สอนเปรียญธรรมกันมาจนท่านได้เปรียญ9
ด้านนายสิบป์บวร แก้วงาม รักษาการผู้อำนวยการพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้มหาเถรสมาคม ยังไม่มีการมติแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ยังคงเป็นรักษาการเจ้าอาวาสรูปเดิม คือ พระราชปัญญาสุธี ซึ่งขั้นตอนและกระบวนการต้องรอโปรดเกล้าฯ ขณะนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ส่วนประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับทรัพย์สินของพระสงฆ์เมื่อสึกแล้ว ต้องตกเป็นของวัดหรือไม่ รักษาการผอ.พศ. กล่าวว่า เมื่อพระสงฆ์ลาสิกขา ทรัพย์สินที่ซื้อมาด้วยเงินส่วนตัวย่อมเป็นทรัพย์สินของสงฆ์นั้น แม้จะลาสิกขาไปก็ยังคงเป็นทรัพย์สินของสงฆ์อยู่ เว้นแต่พ้นจากสงฆ์ด้วยการมรณภาพ ในกฏหมายระบุว่า ให้ตกเป็นทรัพย์สินของวัดที่สงฆ์นั้นสังกัดอยู่ ซึ่งกรณีที่ญาติโยมมาถวายปัจจัยหรือสังฆทาน หากถวายกับพระรูปนั้น ถือว่าทรัพย์สินเป็นของท่าน เมื่อสึกก็ต้องเป็นของพระรูปนั้น แต่หากเป็นการการขึ้นเทศน์รวมแล้วญาติโยมถวายให้กับวัด ก็ถือเป็นทรัพย์สินของวัด ส่วนการลาสิกขา ไม่จำเป็นต้องกลับมาลาสิกขาวัดที่บวช แต่สามารถลาสิกขากับพระสงฆ์ผู้มีอำนาจในหารลาสิกขาที่ใดก็ได้ ขณะที่ นายสมบัติ พิมพ์สอน ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในฐานะรองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวถึงว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ระบุชัดเจนว่า ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่ มรณภาพให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลําเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่ พระภิกษุนั้นจะได้จําหน่ ายไปในระหว่ างชีวิตหรือโดยพินัยกรรม ไม่ได้มีระบุถึงการลาสิกขา ซึ่งกรณีของพระมหาไพรวัลย์ เป็นการสึกตามปกติ ดังนั้นทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างบวชเป็นพระภิกษุ หากญาติโยมถวายพระมหาไพรวัลย์เป็นการส่วนตัว ก็จะเป็นสิทธิ์ของพระมหาไพรวัลย์ ส่วนการสึกนั้น พระสงฆ์สามารถเปล่งวาจาสึกต่อพระสงฆ์อีกรูปที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนได้ ไม่จำเป็นต้องมีพิธี.-สำนักข่าวไทย