สธ. 30 พ.ย.- ปลัด สธ. เผยรับมือ “โอไมครอน” สำรองยา เวชภัณฑ์ ส่วนผู้เดินทางเข้าไทยให้ตรวจด้วย RT-PCR พร้อมชวนคนไทยมาฉีดวัคซีน
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ข้อมูลเกี่ยวกับโมไมครอน ขณะนี้พบว่ามีการระบาดใกล้เคียงกับเดลตา ไม่พบความรุนแรงมากขึ้น แต่ยังต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องของการสั่งชะลอการเดินทางและห้ามเข้าในไทยใน 8 ประเทศจากทวีปแอฟริกา นั้น เรื่องนี้ ไม่ได้ห้ามในส่วนของคนไทยที่จะเดินทางกลับเข้าประเทศ เมื่อเข้ามาก็เข้ามาตรการกักตัว 14 วัน ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวที่ประสงค์เข้าไทย เนื่องจากในกลุ่ม 8 ประเทศนี้ ไม่มีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาแบบ T&G หรือ Sandbox แต่สำหรับต่างชาติที่เข้าไทยทั้งหมด ขณะนี้ให้ปรับมาตรวจด้วยวิธี RT-PCR แทนการตรวจด้วย ATK ไปจนถึงสิ้นปี 2564 โดยจะมีการติดตามและหารือกันอีกครั้งในเรื่องนี้ ในการประชุม ศบค. 15 ธ.ค. พร้อมสั่งการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำรวจระดับภูมิคุ้มกันคนไทย เพื่อติดตามสถานการณ์ ทั้งการรับวัคซีนหรือการติดเชื้อ ว่า คนไทยมีภูมิคุ้มกันขึ้นเท่าไหร่ โดยจะมีการแถลงข่าวในสัปดาห์หน้า
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในคนไทย พบว่าทุกจังหวัดค่าเฉลี่ยเกิน ร้อยละ 50 มีเพียง จ.แม่ฮ่องสอน ที่อัตราการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 45.24% ส่วนภาพรวมการรับวัคซีนเข็ม 1 ขณะนี้ฉีดไปแล้ว ถึง 72% ส่วนเข็ม 2 ฉีดไปแล้ว 60% ขณะนี้วัคซีนของไทยมีมากพอขอให้ทุกฝ่ายมารับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน โดยขณะนี้มีวัคซีนไฟเซอร์ เหลือ 20 ล้านโดส, แอสตราฯ 20 ล้านโดส ส่วนเรื่องฟาวิพิราเวียร์ เหลือเพียงพอใช้ถึง 45 วัน ในปริมาณการใช้วันละ 5 แสนเม็ด และมีวัตถุดิบสำหรับการตอกยาอีก 60 ล้านเม็ด มียาทั้งโมลนูพิราเวียร์ และแพ็กซ์โลวิดที่จะเข้ามาในปี 2565 สำหรับเตียงผู้ป่วยมีการสำรองไว้ 2 แสนเตียง .-สำนักข่าวไทย