กรุงเทพฯ 23 พ.ย.- มหาวิทยาลัยมหิดลร่วมออกซฟอร์ด แถลงการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพยาต้านโควิด-19 เป็นครั้งแรกของโลก หวังช่วยให้มาตรฐานการรักษาชัดเจน ผู้ป่วยเข้าถึงยาราคาถูก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับหน่วยวิจัยโรคเขตร้อนมหิดล-อ๊อกซฟอร์ด แถลงข่าวการศึกษายาต้านโควิด-19 งานวิจัยระดับนานาชาติหลายสถาบัน ภายใต้ชื่อโครงการ : “การศึกษาวิจัยทางคลินิกแบบการศึกษาระยะที่ 2 ในหลายศูนย์วิจัย เพื่อค้นหายาที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19: การศึกษาเพื่อประเมินประสิทธิภาพของยาในการเปลี่ยนแปลงปริมาณไวรัสในคนไข้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรงการศึกษาในรูปที่สามารถปรับรูปแบบและขั้นตอนในการดำเนินการวิจัยแบบเป็นระบบในระหว่างการทำการวิจัย” หรือ Plat Cov ซึ่งถือเป็นการวิจัยเปรียบเทียบประสิทธิภาพยารักษาโควิด-19 เป็นครั้งแรกของโลก สำหรับในไทยจะร่วมวิจัยในโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน โรงพยาบาลวชิรพยาบาล และโรงพยาบาลบางพลี
รศ.นพ.วีระพงษ์ ภูมิรัตนประพิณ คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคระบาดใหม่ ยังต้องการข้อมูลที่ชัดเจนในการใช้ยารักษา ปัจจุบันมียาเพียงไม่กี่ชนิดที่มีข้อมูลว่าสมารถลดปริมาณไวรัสได้โดยตรง ดังนั้น “ยาต้านไวรัสที่เข้าถึงได้” จึงมีความสำคัญสำหรับการรักษาโรคโควิด-19 การศึกษานี้เพื่อประเมินและเปรียบเทียบยาที่ใช้รักษาโรคโควิด-19ต่างชนิด โดยประเมินอัตราการหายป่วยทางคลินิกและอัตราการลดปริมาณเชื้อไวรัสโควิด-19 ในลำคอผู้ป่วย เปรียบเทียบกับยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี รีเจนเนอรอน และการลดลงได้เองตามการดำเนินโรค ยาที่ใช้ในการศึกษาต้องเป็นยามาตรฐานที่มีอยู่เดิมสำหรับการรักษาโรคโควิด-19 หรือโรคอื่นๆ ยาที่กำลังประเมินในรอบการศึกษาปัจจุบันโดยวิธีการสุ่ม คือ ยากิน 2 ชนิด คือ “ฟาวิพิราเวียร์” และ “ไอเวอร์เมคติน” และยาฉีด 2 ชนิด คือ “เรมเดซิเวียร์” และ “รีเจนเนอรอน” โครงการวิจัยนานาชาติหลายสถาบัน จะรับผู้ป่วยอาสาสมัครทั่วโลกทั้งหมด 750 คน สำหรับเครือข่ายโรงพยาบาลในประเทศไทย จะรับอาสาสมัครประมาณ 200 คน
ผศ.พญ.วีรวรรณ ลุวีระ ผู้ร่วมวิจัยคณะเวชศาสตร์เขตร้อน กล่าวว่า โครงการวิจัย Plat Cov รับสมัครอาสาสมัครที่เป็นคนไข้ติดโควิด 19 ระยะแรกแบบไม่รุนแรงเป็นเวลาไม่เกิน 4 วัน,มีอายุระหว่าง 18-50 ปี,ไม่เป็นผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงหรือมีโรคประจำ ตัวเรื้อรัง โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการติดตามการเปลี่ยนเปลงของเชื้อไวรัส โดยป้ายเก็บเชื้อในลำคอทุกวันเป็นระยะเวลา 7 วัน ปริมาณจีโนมของเชื้อโควิด-19 จากสิ่งส่งตรวจ วัดโดยวิธีRT-PCR โดยศูนย์ห้องปฏิบัติการชีวโมเลกุล คณะเวชศาสตร์เขตร้อน วิธีนี้เป็นเทคนิคเฉพาะที่มีความไวและความแม่นยำสูง โครงการนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการและได้ทำการศึกษาในผู้ป่วยโควิด- 19 แล้วกว่า 30 ราย ละผู้ที่รับยาภายใต้โครงการครบแล้ว ได้หายป่วยและสามารถกลับบ้านได้ทุกราย สำหรับการศึกษาในรอบถัดไปจะมีการเพิ่มชนิดของยาเพื่อเปรียบเทียบและวัดประสิทธิภาพยารักษาโรคโควิด-19 ให้ครอบคลุมมากขึ้น
สำหรับโครงการวิจัย Plat Cov เริ่มดำเนินการมาแล้ว 2เดือน มีอาสาสมัครเข้าร่วมแล้วกว่า 30 คน คาดว่าถ้าได้อาสาสมัครตามเป้า 200 คน จะทราบผลวิจัยอย่างเป็นทางการในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งผลการศึกษาทางคลินิกเพื่อวัดประสิทธิผลของยาโดยตรง คือประเมินอัตราการหายป่วยทางคลินิกและอัตราการกำจัดเชื้อโควิด- 19 ในผู้ป่วยระยะแรก ผลการศึกษานี้จะใช้เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้เพื่อประกอบการเลือกใช้ยารักษาและป้องกันโรคโควิด-19 ในอนาคต ช่วยให้มาตรฐานการรักษาโรคโควิดมีความชัดเจน ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้ในราคาถูก และมีประสิทธิภาพในการรักษามากยิ่งขึ้น .-สำนักข่าวไทย
