สำนักข่าวไทย 19 พ.ย.-สธ.แจงอัตราติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์สูงในโควิดระลอก 3 มีแม่ตาย 102 คน ลูกตาย 51 คน ส่วนใหญ่ 92% ไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว หลังรณรงค์ฉีดในหญิงตั้งครรภ์ ครึ่งเดือน พ.ย. สถานการณ์ดีขึ้น ติดเชื้อแค่ 300 คน
นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ และโฆษกกรมอนามัย กล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์ ว่า ในการติดเชื้อโควิดระลอก 3 ระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-12 พ.ย.64 พบว่ามีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อสูง 5,516 คน ส่วนใหญ่อยู่ใน กทม. ปัตตานี สมุทรสาคร โดยพบว่า ในจำนวนแม่ติดเชื้อมีการคลอดบุตรแล้ว 3,000 คน และ 53% เป็นการผ่าคลอด และมีทารกติดเชื้อ 238 คน จากการสัมผัสโดยตรงหลังคลอด หรือคิดเป็น 7% ขณะเดียวกัน มีหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิต 102 คน ทารกเสียชีวิตตามแม่ 51 คน
ส่วนอัตราการรับวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ ฉีดเข็ม 1 แล้ว 86,602 คน ฉีดเข็ม 2 แล้ว 66,784 คน และฉีดเข็ม 3 แล้ว 1,009 คน ส่วนอัตราการติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์ พบสูงสุดในเดือน ส.ค. 1,724 คน และปัจจุบันในเดือน พ.ย. ผ่านมาครึ่งเดือน มีการติดเชื้อ 300 คน ถือว่าลดลง หากดูข้อมูลของหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ พบว่า 92% ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า คนที่ฉีดครบ 2 เข็ม หรือ 133 คนนั้น ไม่มีใครที่เสียชีวิต ไม่มีปอดอักเสบ หรือต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แสดงให้เห็นว่าฉีดวัคซีนแล้วยังติดเชื้อได้ แต่ไม่มีอาการรุนแรง
นพ.เอกชัย กล่าวเชิญชวนให้หญิงตั้งครรภ์มารับวัคซีน โดยคาดการณ์จำนวนหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 5 แสนคน/ปี เมื่อตัดผู้ที่มีอายุครรภ์ 0-3 เดือนออกไป จะทำให้มีกลุ่มเป้าหมายอายุครรภ์ 3 เดือนขึ้นไปที่ต้องรับวัคซีน จำนวน 281,500 คน ขณะนี้ฉีดเข็ม 1 เพียง 86,602 คน คิดเป็น 30.8% เท่านั้น ยังเหลืออีกกว่า 70% ยืนยันการรับวัคซีนมีความปลอดภัย เพราะจากการสำรวจความคิดเห็นของหญิงตั้งครรภ์ สาเหตุที่ไม่ได้รับวัคซีน เนื่องจากเกรงผลกระทบต่อทารกในครรภ์ 65%
ส่วนความกังวลเรื่องการแท้งบุตร หากไม่มีรับการรับวัคซีน โอกาสแท้งตามธรรมชาติก็เกิดขึ้นได้ 10-15% ส่วนการแท้งในคนที่รับวัคซีน พบเพียง 0.5% ส่วนหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่อยากรับวัคซีน ก็สามารถให้ฉีดวัคซีนกับคนในครอบครัวแทน และควรเร่งฉีดวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ในพื้นที่สีแดงเข้ม และพื้นที่สีฟ้านำร่องการท่องเที่ยว.-สำนักข่าวไทย