สำนักข่าวไทย 19 พ.ย. – อธิบดีกรมควบคุมโรค แจงภาคอีสานรับวัคซีนน้อย รองลงมาภาคเหนือ สาเหตุคาดเพราะชะล่าใจคิดว่าไม่ใช่พื้นที่ระบาด ขณะที่ผู้ตรวจเขตสุขภาพที่ 8 ระบุสาเหตุภาคอีสานตอนบนฉีดวัคซีนน้อย เพราะไม่ใช่พื้นที่ระบาด เลยไม่ได้สนใจรับวัคซีนเหมือนพื้นที่อื่น
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่รายงานในระบบหมอพร้อม จังหวัดที่ยังฉีดได้น้อย ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ เช่น นครพนม เนื่องจากไม่ค่อยมีการระบาด ประชาชนไม่ค่อยกังวล ก็อาจมารับวัคซีนน้อย ทั้งนี้ จากเดิมที่มีรายงานผู้ยังไม่ได้ฉีดเข็มแรกราว 11 ล้านคน แต่ตอนนี้ก็เริ่มฉีดแล้ว เหลือประมาณ 7-8 ล้านคน เพราะมีการฉีดทุกวัน วันละหลายแสนโดส
ส่วนประชากรแฝงที่ยังไม่ได้รับวัคซีนคาดการณ์ได้ยาก เพราะกลับไปกลับมา อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่คนยังไม่มารับวัคซีน อาจเป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์ทางการแพทย์ หรือกลุ่มที่ปฏิเสธวัคซีนด้วยสาเหตุต่างๆ กันไป เช่น กลุ่มที่อยู่พื้นที่ไม่ระบาด กลุ่มอยู่พื้นที่ห่างไกล โดยคิดว่าไม่ได้ไปมีความเสี่ยงที่ไหน จึงไม่ไปฉีดวัคซีน หรือกลุ่มอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล แต่ก็เป็นหน้าที่ของเราในการระดมบุคลากรในภาคส่วนต่างๆ ไปชี้แนะข้อเท็จจริง ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. และบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) พบว่ามี 4 จังหวัดที่ยังฉีดวัคซีนไม่ถึงเป้าหมาย 50% ของประชากร ได้แก่ นครพนม บึงกาฬ หนองคาย หนองบัวลำภู จึงกำหนดเป้าหมายฉีดให้ครบตามเป้า ภายในวันที่ 21 พ.ย.64
ทั้งนี้ คาดว่ามีผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรกในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 8 ราว 1.2 ล้านคน จากจำนวนประชากร 5.35 ล้านคน สาเหตุที่ยังฉีดได้น้อย เพราะภาคอีสานตอนบนติดเชื้อน้อย และอัตราเสียชีวิตต่ำ รวมถึงดูแลตัวเองด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรต่างๆ จึงมีผลต่อความต้องการวัคซีน ต่างจากพื้นที่ระบาดที่มีแต่คนอยากฉีด และเมื่อไม่ใช่พื้นที่ระบาด วัคซีนจึงมาเยอะในช่วงหลัง ก็เร่งฉีดให้กลุ่มเสี่ยง 608 ทำให้ได้รับวัคซีนมากกว่า 80-90% ซึ่งถือว่าฉีดได้มากที่สุดในระหว่างเขตสุขภาพที่นอกเหนือจากกรุงเทพฯ.-สำนักข่าวไทย