กทม.ตรวจท่าเทียบเรือช่วงลอยกระทง

กทม.17 พ.ย.- รองผู้ว่าฯ กทม.นำตรวจท่าเทียบเรือและโป๊ะริมน้ำเจ้าพระยา ระดมเจ้าหน้าที่ทั้งทางบกและทางน้ำ ดูแลความปลอดภัยประชาชนในช่วงเทศกาลลอยกระทง


นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (รองผู้ว่าฯ กทม.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักเทศกิจ สำนักการจราจรและขนส่ง สำนักการแพทย์ ลงเรือตรวจสอบความปลอดภัยท่าเทียบเรือและโป๊ะทางน้ำ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 6 ท่า ได้แก่ ท่าเรือท่าช้าง เขตพระนคร ท่าเรือสะพานพระพุทธยอดฟ้า เขตพระนคร ท่าเรือวัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่ ท่าเรือวังหลัง (ฝั่งธนบุรี) เขตบางกอกน้อย ท่าเรือสะพานพระปิ่นเกล้า (ฝั่งธนบุรี) เขตบางกอกน้อย ไปจนถึงท่าเรือสะพานพระราม 8 เขตบางพลัด

นายสกลธี เปิดเผยว่า กทม.ได้เตรียมความพร้อมท่าเรือและเตรียมเเผนรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนในช่วงลอยกระทง โดยระดมเจ้าหน้าที่ทุกสำนัก ของกทม.มาร่วมดูแลประชาชน มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกท่าเรือให้พร้อมใช้งาน ติดป้ายจำกัดจำนวนคนในท่าเรือ จากการสำรวจท่าเรือใน 50 เขต 437ท่า พบว่าใช้งานได้369 ใช้งานไม่ได้ 68 ท่า ซึ่งปิดกั้นและติดป้ายประการศห้ามใช้งาน เพื่อความปลอดภัย พร้อมทั้งจัดเทศกิจ1,800นาย ประจำตามจุดทีมีการลอยกระทง เช่น สวนสาธารณะ และริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ส่วนสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. จัดเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือ และจัดเรือตรวจการณ์ ร่วมกับกองทัพเรือและตำรวจน้ำ ดูแลความปลอดภัยตั้งแต่สะพานพระราม 7 ถึงสะพานพระราม 9 ระยะทาง20 กิโลเมตร รวมทั้งเตรียมบุคคลากรการแพทย์ และห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กทม.รับมือ หากมีเหตุฉุกเฉิน


รองผู้ว่าฯกทม.ย้ำว่า ขอให้ประชาชนระวังอุบติเหตุระหว่างลอยกระทง จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตีเส้นในจุดที่อันตราย ไม่ให้ประชาชนเข้าไปเกินเส้น โดยจะมีเจ้าหน้าที่เทศกิจ เตรียมอุปกรณ์ หรือกระชอน ช่วยนำกระทงลงไปลอยในแม่น้ำให้ และความร่วมมือเด็กและเยาวชน ไม่ลงไปว่ายน้ำเก็บเงินจากกระทง เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุขึ้นทุกปี และกำชับไม่ให้มีการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ และโคมลอย ซึ่งจะมีความผิดตามประกาศของกรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ยังเตรียมการเก็บซากกระทงเหมือนเช่นทุกปี ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า แนวโน้มกระทงลดลง ในปี 61 มีกระทงจำนวน 8แสนใบ , ปี 62 จำนวน 5แสนใบ และปี 63 จำนวน 4.9 แสนใบ ส่วนใหญ่ 90% เป็นกระทงจากวัสดุธรรมชาติ

สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในวันลอยกระทง มีข้อมูลว่า ฐานน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะขี้นสูงสุด เวลา17.13น. อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพฯ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”