มท.-กทม.รับมือสถานการณ์น้ำทะเลหนุน

กทม.10 พ.ย.- มท.1 หารือ กทม. และผู้ว่าฯ 5 จังหวัด รับมือสถานการณ์น้ำทะเลหนุน เน้นย้ำแจ้งเตือนประชาชน พร้อมเสริมแนวคันกั้นน้ำ และเร่งระบายน้ำ เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชน


พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมหารือการจัดการน้ำพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และนางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ร่วมหารือ

พลเอกอนุพงษ์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาวะระดับน้ำจากกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ พบว่าในระหว่างวันที่ 9 – 14 พฤศจิกายน 2564 เป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังชุมชนบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นผิวจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่พักอาศัยและใช้ถนนในการสัญจร ซึ่งในวันนี้ได้เชิญกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดปริมณฑล มาร่วมหารือและติดตามผลกระทบจากสถานการณ์น้ำทะเลหนุนในพื้นที่ เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน เป็นต้น


นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุน เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 64 จำนวน 9 เขต ได้แก่เขตดุสิต เขตบางพลัด เขตบางซื่อ เขตพระนคร เขตสัมพันธวงศ์ เขตธนบุรี เขตยานนาวา เขตบางคอแหลม และเขตคลองเตย โดยได้รับการสนับสนุนการระบายน้ำจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทำให้น้ำลดลงทั้งหมดแล้ว และกรุงเทพมหานครได้เสริมกระสอบทราย ตรวจสอบความแข็งแรง โดยติดตั้งระบบท่อรับน้ำไปสู่ระบบสูบ เพื่อระบายออกและเลี้ยงน้ำ จนกว่าสถานการณ์น้ำหนุนจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดปริมณฑล ได้รายงานสถานการณ์และการดำเนินการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุน พร้อมทั้งนำเสนอแนวทางการขอรับการสนับสนุนเพื่อแก้ไขปัญหาบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชน

พลเอกอนุพงษ์ เพิ่มเติมว่า ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปริมณฑลได้ประสานงานร่วมกัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และแจ้งเตือนประชาชนเตรียมการรับสถานการณ์  พร้อมทั้งกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสริมความมั่นคงแข็งแรงบริเวณแนวกระสอบทรายต่าง ๆ พร้อมติดตั้งระบบปั๊มน้ำ ระบบระบายน้ำในทุก ๆ จุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่คันกั้นน้ำชั่วคราว และสร้างความรับรู้เข้าใจในการดำเนินงานกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล