กทม. 2 พ.ย.- ป.ป.ส. เร่งเชือดนักค้ายาเสพติดผ่านโซเซียล พร้อมเตือนเสพ “ยาอี” ผสมยากล่อมประสาท อันตรายถึงชีวิต
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) ชี้แจงถึงกรณีเพจดังเตือนผู้ปกครองเรื่องกาแฟผสมยาอีที่กำลังระบาดฮิตกันอยู่ในหมู่วัยรุ่นและ Tiktok ที่กำลังเป็นปัญหาน่ากังวลในขณะนี้ จากกรณีที่สื่อได้ให้ความสนใจการซื้อ-ขาย ยาเสพติดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ว่า มีผู้โพสต์จำหน่ายยาเสพติดหลายประเภทผ่านทาง tiktok เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ คือ การโพสต์จำหน่ายสิ่งที่เชื่อว่าเป็นยาเสพติด บรรจุอยู่ในซองกาแฟยี่ห้อหนึ่ง
“ตนได้สั่งการให้สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ตรวจสอบแล้ว พบว่า บัญชีผู้ใช้รายหนึ่งโพสต์ขายยาเสพติดในข้อความดังกล่าวข้างต้น เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า ภายในซองกาแฟดังกล่าวนั้น เป็นยาอีผงบดผสมกับไฟว์ ไฟว์(five-five) หรืออิริมินไฟว์ (Erimin 5) และยาเสพติดชนิดอื่นนำมาผสมรวมกัน จำหน่ายในราคาซองละ 3,000 บาท โดยอ้างสรรพคุณว่าจะให้ผลการออกฤทธิ์หรือมึนเมาได้มากกว่าการเสพยาอีเพียงอย่างเดียว ในส่วนการบรรจุด้วยซองกาแฟนั้น เป็นเพียงวิธีการปกปิดอำพรางทั่วไปของนักค้ายาเสพติด และเพื่อความสะดวกในแบ่งหน่วยจำหน่าย ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรมากนัก”
สำหรับยาไฟว์ ไฟว์ หรืออิริมินไฟว์ เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในกลุ่มยากล่อมประสาท เป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2552 ออกฤทธิ์รุนแรง จึงต้องมีการควบคุมการใช้อย่างเข้มงวด ทั้งนี้ การจำหน่ายยาเสพติดในลักษณะดังกล่าว จะใกล้เคียงกับกรณีการค้า “ยาเคนมผง” ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังเมื่อต้นปี 2564 ที่ผ่านมา จากนั้นประกาศจำหน่ายในราคาซองละ 3,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นยาเสพติดชนิดใหม่ ที่ออกฤทธิ์รุนแรงกว่าเดิม และมีผู้เสพซื้อไปเสพ ส่งผลให้เสียชีวิตหลายรายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ตามที่ปรากฏเป็นข่าว
สำหรับในกรณีนี้ ทางสำนักงาน ป.ป.ส. ได้สืบสวนจนทราบตัวเจ้าของบัญชีโพสต์ขายยาเสพติดแล้ว กำลังเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป และขอเตือนว่ากรณีดังกล่าว เป็นความผิดฐาน “โฆษณายาเสพติดให้โทษ” ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 48 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีการซื้อขายตามที่โพสต์ ผู้โพสต์จะมีความผิดฐาน “จำหน่าย” ส่วนผู้ซื้อ จะมีความผิดฐาน “ครอบครอง” และหากส่งไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศก็จะมีความผิดฐาน “ส่งออก” อีกทั้ง สำนักงาน ป.ป.ส. อยู่ระหว่างส่งเรื่องดังกล่าวให้กระทรวง DES เพื่อระงับการเผยแพร่โฆษณาดังกล่าว .-สำนักข่าวไทย