ยันร้านอาหารที่จะขายเหล้า-เบียร์ในกทม.ต้องผ่านมาตรฐาน SHA

กรุงเทพฯ 31 ต.ค.- ประเด็นการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ซึ่งเรื่องนี้โฆษก กทม. ออกมาย้ำว่าอนุญาตให้ขายได้เฉพาะร้านอาหารที่ผ่านมาตรฐาน SHA เท่านั้น ขณะที่ผู้ประกอบการบนถนนข้าวสารก็ออกมาโวย เพราะไม่มีร้านไหนเตรียมตัวทัน


ร.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร มีมติในเห็นชอบประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 45) ในการเปิดให้บริการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนนั้น ขอให้ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มดำเนินการปรับปรุงสถานประกอบการให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และเข้ารับการตรวจประเมินความพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย SHA รวมทั้งเคร่งครัดช่วงเวลาการให้บริการให้อยู่ภายในเวลา 21.00 น. ตามที่กำหนด พร้อมขอให้ร่วมมือผู้ประกอบการขอรับมาตรฐาน SHA เพราะในอนาคตต้องยึดมาตรฐานดังกล่าวเป็นหลัก โดยเฉพาะสถานประกอบการที่มีความเสี่ยง อาทิ ผับ บาร์ คาราโอเกะสามารถทยอยขอล่วงหน้าไว้ก่อนได้ เพราะมีแนวโน้มว่าเดือนหน้าจะผ่อนคลายให้สถานบริการที่มีความเสี่ยงกลับมาเปิดบริการได้ 

สำหรับผู้ประกอบที่มีข้อท้วงติงเรื่องระยะเวลาในการขอรับรองมาตรฐาน SHA ที่ใช้เวลานานกว่า 2-3 สัปดาห์ ซึ่งอาจไม่ทันกับการเปิดให้บริการนั้น โฆษก กทม. เผยหลังเปิดประเทศ และผ่อนคลายมาตรการต่างๆ มากขึ้น ทาง ททท. ก็จะมีการเพิ่มจำนวนทีมงาน คาดว่าจะทำให้การดำเนินการรวดเร็วยิ่งขึ้น


(SHA หรือ Safety & Health Administration) คือ แนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานภาคสมัครใจสำหรับผู้ประกอบการ หรือ ข้อกำหนดเบื้องต้นที่สถานประกอบการพึงมี เพื่อป้องกัน COVID-19 ซึ่งมาจากมาตรการด้านสาธารณสุขบวกกับมาตรฐานของสินค้าทางการท่องเที่ยว  ดังนั้นสัญลักษณ์ SHA จะเป็นการรับรองคุณภาพของสถานประกอบการนั้นๆ โดยผู้ประกอบการต้องยื่นเรื่องขอผ่านสมาคม เช่น สมาคมโรงแรม เมื่อได้รับสัญลักษณ์แล้ว ผู้ประกอบการจะถูกประเมินโดยผู้ใช้บริการผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน รวมถึงมีการสุ่มตรวจจากหน่วยงานภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นระยะ

โดยขณะนี้สถานประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน SHA และ SHA+ ในกรุงเทพมหานคร  มีทั้งหมด 3,386 รายการ

ส่วนขั้นตอนการขอรับมาตรฐาน SHA และ SHA+ 


1.ผู้ประกอบการต้องเข้าไปลงทะเบียนขอรับการประเมินที่ เว็บไซต์ thailandsha.com จากนั้นก็เลือกหมวดหมู่กิจการ ซึ่งมีทั้งหมด 10 กิจการ เช่น เมื่อเลือกกิจการ ภัตตาคาร/ร้านอาหาร  

2.ระบบก็จะให้เรากรอกข้อมูลรายละเอียดของสถานประกอบการ กรอกรายละเอียดตามขั้นตอน 

– ตอบคำถามตามแบบฟอร์ม Checklist

– แนบภาพถ่ายประกอบ

– เอกสารอื่นๆ 

3. สมาคมฯ ก็จะดำเนินการตรวจสอบ Checklist และรับรองผล Checklist   

4. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) รวบรวมขั้นตอนสุดท้าย 

5. จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการมอบตราสัญลักษณ์ 

6. คณะกรรมการฯ สุ่มตรวจสถานประกอบการ 

7. ประชาสัมพันธ์บนเว็บไซต์

ส่วนข้อกำหนดมาตรฐาน SHA สำหรับผู้ประกอบการ (ภัตตาคาร / ร้านอาหาร) ประกอบด้วยอะไรบ้าง 

1. จัดให้มีทางเข้า-ออกทางเดียว 

2. จัดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิของพนักงานและผู้รับบริการทุกครั้ง 

3. บันทึกประวัติพนักงาน และประวัติการเดินทาง

4. อนุญาตให้เฉพาะผู้ที่สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเข้าใช้บริการเท่านั้น

5. จัดให้มีที่ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าร้านอาหาร/จุดชำระเงิน

6. จำกัดจำนวนคนเข้าร้าน 

7. ทำความสะอาดจุดนั่งรับประทานอาหาร ก่อนและหลังการให้บริการ

8. ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่และพื้นที่จุดสัมผัสร่วม ทุก 2ชั่วโมง

9. อาหารปรุงสำเร็จ ให้มีการปกปิดอาหาร ใช้อุปกรณ์สำหรับหยิบจับหรือตักอาหาร 

10. จัดให้มีถังขยะที่มีฝาปิด คัดแยกขยะ

11. จัดให้มีการระบายอากาศที่เพียงพอ 

12. จัดให้มีการชำระเงินค่าบริการผ่านระบบออนไลน์ 

13. จัดให้มีการสื่อสาร/ประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจ อย่างเคร่งครัด

14. ลดการใช้เสียงภายในภัตตาคาร/ร้านอาหาร 

ทางฟากผู้ประกอบการในพื้นที่กรุงเทพ ที่ต่างก็เตรียมสินค้าเหล้า-เบียร์ไว้ให้บริการลูกค้าในวันพรุ่งนี้ ก็ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจ ที่รัฐอนุญาตให้จำหน่ายเหล้า-เบียร์เฉพาะร้านที่ได้มาตรฐาน SHA เท่านั้น เผยไม่มีร้านไหนเตรียมตัวทัน 

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจบนถนนข้าวสาร เผยว่าในถนนข้าวสารมีร้านอาหาร และร้านนั่งดื่มรวมกว่า 100 ร้าน ได้รับผลกระทบจากประกาศฉบับนี้อย่างเต็มๆ เพราะแทบไม่มีร้านไหนลงทะเบียนรับมาตรฐาน SHA เพราะแรกเริ่มที่ทาง ททท.ออกมาให้ข้อมูลเรื่องนี้มุ่งเน้นไปที่โรงแรม  ซึ่งส่วนใหญ่โรงแรมในย่านข้าวสารจะเป็นเกสต์เฮาส์ ส่วนร้านอาหาร ร้านนั่งดื่มก็ไม่ได้รับการแจ้งให้ลงทะเบียน จึงไม่มีร้านไหนได้ดำเนินการ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา หลังประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว ผู้ค้าต่างก็เตรียมกลับมาเปิดร้านในวันจันทร์ 1พ.ย.นี้ แต่เมื่อวานกลับมีคำสั่งให้ขายเฉพาะร้านที่มีมาตรฐาน SHA เท่านั้น ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่ภาครัฐทำไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการที่โดยเฉพาะร้านกินดื่ม ทั้งๆที่ร้านเหล่านี้ไม่ได้มีรายได้มาเกือบ 2 ปี เมื่อจะเปิดประเทศ เหตุใดจึงไม่แจ้งให้ผู้ประกอบการทราบล่วงหน้า จะได้เตรียมตัวล่วงหน้า 

โดยในวันพรุ่งนี้ ผู้ประกอบการบนถนนข้าวสารจะประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกันเพื่อนำข้อสรุปไปหารือกับ กทม. พร้อมเตรียมเสนอมาตรการคัดกรองกันเอง บริเวณทางเข้าและออก ที่หัวและท้ายถนน หากใครไม่มีหลักฐานยืนยันได้วัคซีน 2 เข็ม และผลตรวจ ATK ที่เป็นลบ ก็จะไม่ให้เข้า เหมือนที่ทำสำเร็จคัดกรองคนเข้าออกในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะถ้าหากรอลงทะเบียน กว่าจะได้รับการประเมินและยืนยันต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ หรืออาจจะมากกว่านั้น ถือเป็นการเสียโอกาส และสูญเสียรายได้ในช่วงที่จะสามารถกลับมามีความหวัง และลืมตาอ้าปาก เป็นจำนวนมหาศาล  คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุป และนำไปเสนอกับ กทม.ภายในสัปดาห์นี้

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พรุ่งนี้เป็นวันแรกที่เปิดประเทศรับผู้เดินทางและนักท่องเที่ยวต่างชาติ และแม้ว่าจะมีการผ่อนคลายกิจการกิจกรรมต่างๆ มากขึ้นในแต่ละพื้นที่ แต่สิ่งสำคัญ คือยังต้องปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะมาตรการส่วนบุคคล ป้องกันตนเอง เว้นระยะห่าง ล้างมือ สวมหน้ากาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดการติดเชื้อและแพร่เชื้อ ส่วนสถานประกอบการต่างๆ ยังต้องเข้มมาตรการ COVID Free Setting เพื่อให้เป็นสถานที่ปลอดโควิด เปิดประเทศอย่างปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย