1 พ.ย.นี้ มั่นใจ “สุวรรณภูมิ” ไม่แออัด

กทม.29 ต.ค.- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน เปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ ไร้ภาพโกลาหลแออัดที่สนามบินสุวรรณภูมิ 


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.สุคุณ พรหมมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวพร้อมนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความพร้อมของเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยววันที่ 1 พ.ย. 64 นี้

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุว่า ในส่วนของกำลังตำรวจคนเข้าเมือง, ตำรวจท่องเที่ยวที่ปฎิบัติหน้าที่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และอีก 4 สนามบินรวมกว่า 3,700 นาย มีความพร้อมในการปฎิบัติหน้าที่รับนักท่องเที่ยววันที่1 พ.ย.นี้ ซึ่งระบบจะเปิดทำงานแบบเต็มรูปแบบ เน้นความรวดเร็วซึ่งประเมินว่าผู้โดยสาร จะเดินทางเข้ามาช่วง พ.ย.- ธ.ค.เฉลี่ยวันละ 4,000 คน เจ้าหน้าที่มีความสามารถระบายผู้โดยสารได้ 700 คน/ชั่วโมง กรณีผู้โดยสารใช้แอปพิเคชั่น Thailand Pass จะสามารถระบายได้ถึง 2,000 คน/ชั่วโมง เนื่องจากไม่ต้องสแกนเอกสารเช่น ตม.6 ซึ่งจะมีความสดวกสบายในการให้บริการและการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวทุกคน รวมถึงดูแลชีวิตทรัพย์สินระหว่างที่ท่องเที่ยวในประเทศเพื่อให้เกิดความประทับใจ มั่นใจว่าจะไม่เกิดภาพความโกลาหลนักท่องเที่ยวรอคิวเหมือนที่เป็นในอดีต ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ปฎิบัติหน้าที่ ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19ครบ2เข็มแล้ว 100% และฉีดเข็มที่3แล้วกว่า 95% และยังมั่นใจในระบบไบโอแมทริกต์และAPPSหรือระบบคัดกรองล่วงหน้าว่าสามารถตรวจจับหากมีอาชญากรข้ามชาติ คนร้ายมีหมายจับ หรือกลุ่มที่อยู่ในบัญชีเฝ้าระวังของ สตม.เข้ามา


ด้านนายกิตติพงศ์ กล่าวว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เน้นความปลอดภัยของพนักงานโดยภายในเดือนตุลาคม เป็นการฉีดเข็ม 3 ให้ครบ 95% สร้างความเชื่อมั่นให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในสนามบินและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทย โดยลานจอดเครื่องบินทั้งหมด 120 หลุมจอด เตรียมพร้อมรับมือกับการเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย.นี้ มั่นใจสามารถรองรับได้ เบื้องต้นวันนั้นจะมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจาก 7ประเทศ ประมาณ 40-50 เที่ยวบิน เช่น สิงคโปร์ 2 เที่ยวบิน, เมืองนาริตะ ญี่ปุ่น 2 เที่ยวบิน พร้อมระบุว่านักท่องเที่ยวที่มาจะต้องผ่านขั้นตอนตั้งแต่การคัดกรองตรวจสอบเอกสาร คาดว่าใช้เวลา 17 วินาทีต่อ1 คน / ผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าสัมภาระ และจะมีเจ้าหน้าที่โรงแรมมารับตัวเข้าที่พักเพื่อตรวจหาเชื้อโควิดแบบ RT-PCR หากผลเป็นลบก็ไม่ต้องกักตัวสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ในพื้นที่ 17 จังหวัด ส่วนนักท่องเที่ยวที่ตรวจพบเชื้อและกลุ่มเสี่ยงจะเข้าสู่ขั้นตอนสาธารณสุขต่อไป 

ขณะที่ พล.ต.ท.สุคุณ ยืนยันว่า ตำรวจท่องเที่ยวมีระบบดูแลนักท่องเที่ยวให้ได้รับความปลอดภัยรวมถึงระบบติดตามนักท่องเที่ยวที่ไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขหรือ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อฯ  .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย