สธ. 28 ต.ค.- สธ. แจงคืบหน้าการฉีดวัคซีนในพื้นที่ 17 จังหวัดนำร่อง พบ กทม.ได้รับวัคซีนครบมากสุด รองลงมาภูเก็ตและชลบุรี ส่วนการฉีดวัคซีนในนักเรียน ฉีดไปแล้ว 68.9% พร้อมเผยคณะอนุกรรมการสร้างเสริมฯ แนะคนรับแอสตราฯ 2 เข็มมาแล้วเกิน 6 เดือน ให้ฉีดไฟเซอร์กระตุ้นเข็ม 3
นพ.เฉวตสรร นามวาท ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กล่าวว่าสถานการณ์การฉีดวัคซีนในไทยขณะนี่ขณะนี้ ภาพรวมมีการฉีดวัคซีนโควิดไปแล้ว 72,812,483 โดส แบ่งเป็น ฉีดวัคซีนเข็ม 1 แล้ว 41,075,152 โดส หรือคิดเป็น 57 %, ฉีดวัคซีนเข็ม 2 แล้ว 29,469,487 โดส หรือ คิดเป็น 40%, ฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้ว จำนวน 2,267,844 โดส หรือ คิดเป็น 3% โดยสัดส่วนของวัคซีนที่มีการฉีดมากที่สุด ได้แก่ แอสตราเซเนกา 32 ล้านโดส รองลงมาซิโนแวค 23 ล้านโดส และซิโนฟาร์ม รวมถึงไฟเซอร์ตามลำดับ ส่วนการฉีดวัคซีนในพื้นที่จังหวัดนำร่อง 17 จังหวัด เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว ในเข็มที่ 1 จำนวน 77% และเข็มที่ 2 จำนวน 56.5% โดยพื้นที่ที่มีการรับวัคซีนไปแล้วมากที่สุดได้แก่ กทม. 108.4% รองลงมา ภูเก็ต 83.7% และ ชลบุรี 81.1%
นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ส่วนการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กนักเรียน พบว่า มีความคืบหน้า เฉลี่ย 68.9% สำหรับพื้นที่ที่มีการฉีดวัคซีนมากที่สุดได้แก่ เขตสุขภาพที่ 10. ได้แก่ มุกดาหาร, อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ, ยโสธร และศรีสะเกษ 82% ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ในกลุ่มรับแอสตราเซเนกา 2 เข็ม แนวทางของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค แนะนำว่าหากรับวัคซีนมาแล้วเกิน 6 เดือน ให้รับวัคซีนไฟเซอร์ เป็นเข็มที่ 3 .-สำนักข่าวไทย