วัดราชบพิธฯ 23 ต.ค.-สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเป็นองค์ประธานพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม 2564 โดมีปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะผู้บริหารระดับสูง ร่วมในการพิธีบำเพ็ญกุศลฯ
วันนี้ (23 ต.ค. 64) เวลา 09.30 น. ที่พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเป็นองค์ประธานในการบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย เนื่องในวาระคล้ายวันสวรรคตแห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงสถาปนาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม การนี้ พระสงฆ์สมณศักดิ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์ โดยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นำคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ร่วมพิธีสวดพระพุทธมนต์ และถวายสังฆทานพระสงฆ์ เพื่อน้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันปิยมหาราช
โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย และคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประดิษฐานบริเวณหน้าพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรวิหาร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างวัดราชพิธสถิตมหาสีมารามเป็นวัดประจำพระองค์ตามโบราณราชประเพณีนิยม เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2412 โดยทรงโปรดให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ เป็นแม่กองอำนวยการสร้าง พื้นที่รวมทั้งหมด 10 ไร่ 88 ตารางวา ลักษณะพิเศษของวัดคือไม่มีหอไตร เป็นวัดที่มีการจัดวางแผนผังอย่างงดงามและประดับประดาอย่างวิจิตรบรรจง วัดราชบพิธ เป็นวัดที่มหาสีมาขนาดใหญ่ทำเป็นเสาศิลาจำหลักรูปสีมาธรรมจักรอยู่บนเสา ตั้งที่กำแพงวัดทั้ง 8 ทิศ จึงได้นามว่า วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม แปลว่า “วัดซึ่งพระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง” โดยภายในวัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน อาทิ ภายในพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถ มีพุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิทรงผ้ากลีบ ศิลปะรัตนโกสินทร์ องค์พระเป็นพระกะไหล่ทองคำทั้งองค์ หนักรวม 180 บาท หน้าตักกว้าง 2 ศอกคืบ (60 นิ้ว) สร้างจำลองจากเหตุการณ์พุทธประวัติคราวเมื่อพระพุทธองค์ทรงสมาธิหลังกำจัดพญามารไปแล้ว ทรงอยู่ในอิริยาบถนี้กระทั่งตรัสรู้ พระพุทธอังคีรสจึงเป็นพระที่ให้คุณในด้านของความสงบสุข ความรุ่งเรือง และเป็นพระที่นิยมกราบไหว้ขอพรก่อนเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ นอกจากนี้ ใต้ฐานซุกชีหินอ่อนของพระพุทธอังคีรส ยังเป็นสถานที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และพระบรมราชสรีรังคารของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) รวมถึงพระอัฐิของพระบรมวงศานุวงศ์ นอกจากนี้ ภายในพระมหาเจดีย์วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ยังเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อนาค พระพุทธรูปศิลาปางนาคปรก ศิลปะแบบลพบุรี จำนวน 4 องค์ ซึ่งพุทธศาสนิกชนได้อัญเชิญขึ้นจากบริเวณคลองหลอดวัดราชบพิธ เป็นพระที่พุทธศาสนิกชนนิยมกราบไหว้ขอพรนับแต่นั้นมาจวบจนถึงปัจจุบั นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีโบราณวัตถุล้ำค่ายิ่งในห้วงเวลาอดีตที่ผ่านพ้น เช่น พัดรองที่ระลึกงานพระราชกุศลถวายฉลองพระเดชพระคุณ ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พัดรอง และฝาบาตรมุกที่ระลึกงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 5 นาฬิกาที่ระลึกในการสมโภชพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท นาฬิกาเปรีศ ที่รัชกาลที่ 5 ถวายพระเถระในการทรงผนวช พระไตรปิฎกบาลี อักษรสยาม ร.ศ.112 ไทยธรรม ที่ระลึกงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้น
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชประสงค์ จะให้ประดับผนังพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ด้วยรูปโมเสกพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระองค์ ที่ใช้เทคนิคการใช้กระเบื้องชิ้นเล็ก ๆ มาเผาเป็นแผ่นภาพ แต่การดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้ทรงสืบสานพระราชดำริร่วมกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และมีเวลาจำกัด ทำให้การยังไม่ลุล่วง จึงได้จัดทำภาพฝาผนังชั่วคราวเป็นรูปอุณาโลมและพระนามย่อจุฬาลงกรณ์ (จ) ประดับฝาผนังไว้แทน ครั้นมาถึงในรัชสมัยรัชกาลปัจจุบัน เนื่องในศุภวาระสมโภช 150 ปีแห่งการสถาปนาพระอาราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 22 มกราคม 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้สืบสานพระราชดำรินั้น โดยจัดสร้างภาพกระจกสีหรือโมเสกเป็นรูปพระมหากรุณาธิคุณ 10 ประการในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อประดับพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม อันเป็นการดำเนินการสนองพระราชดำริฯ ให้แล้วเสร็จ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ส่งผลให้การดำเนินการล่าช้า และเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการจัดสร้างรูปโมเสก ตามพระราชดำริในรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7 เพื่อประดับพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยทางคณะกรรมการฯ ตลอดจนพุทธบริษัทวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จะได้ร่วมกันที่จะดำเนินการสนองพระราชดำริฯ ให้แล้วเสร็จ ภายใต้การควบคุมกำกับของกรมศิลปากร ต่อไป.-สำนักข่าวไทย