กทม. เผยนักเรียน ม.ปลาย ฉีดไฟเซอร์แล้ว 87%

กทม. 17 ต.ค.- กทม. เผยนักเรียน ม.ปลาย ได้รับวัคซีนไฟเซอร์แล้ว 87% เตรียมเปิดเรียนแบบ On-site พร้อมคุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19

(17 ต.ค. 64) นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้นักเรียนที่มีอายุ 12-18 ปี ในโรงเรียนสังกัด กทม. และสังกัดอื่น ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยสำนักอนามัย ได้ประสานสำนักการศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดของสถานศึกษา และกระทรวงสาธารณสุข จัดบริการให้วัคซีนไฟเซอร์ โดยส่งแผนจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับนักเรียน/นักศึกษา อายุ 12 -18 ปี ที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาใน กทม. และมีความประสงค์รับวัคซีน รวมทั้งโรงพยาบาลที่จัดส่งวัคซีนให้กับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อใช้พิจารณาจัดส่งวัคซีน ทั้งนี้ กทม. ได้สำรวจความประสงค์ในการรับวัคซีน พบว่ามีนักเรียนประสงค์รับวัคซีนจำนวน 33,048 คน จากทั้งหมด 37,466 คน คิดเป็นร้อยละ 88 โดยที่ประสงค์รับวัคซีนจำแนกเป็น มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 3,796 คน ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 64 จำนวน 3,284 คน คิดเป็นร้อยละ 87 สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 29,252 คน มีแผนจะฉีดวัคซีน ในวันที่ 18, 19, 20 ต.ค.นี้ เพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนต่อไป


สำหรับบุคลากรทางการศึกษาที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จะดำเนินการให้ได้รับวัคซีนครบถ้วน โดยใช้สูตรวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 ระยะห่าง 3 สัปดาห์ นอกจากนี้ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักการศึกษา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการจัดสรรและกระจายวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่โรงเรียนสถาบันการศึกษา พร้อมทั้งส่งเสริมความรู้และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ปกครองและเด็กนักเรียนในโรงเรียน เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเพื่อเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีน รวมทั้งเน้นย้ำวิธีปฏิบัติตนหลังการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะการงดออกกำลังกาย เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมที่ใช้แรงมาก ๆ ในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ ตามข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนแนวทางการติดตามอาการหลังการฉีดวัคซีนอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของเด็กนักเรียนและสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ปกครอง

ในส่วนของการเตรียมความพร้อมการเปิดการเรียนการสอนแบบ On-site ในโรงเรียนสังกัด กทม. ระดับมัธยมศึกษาและประถมศึกษาในภาคเรียนที่ 2/2564 ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ในสถานศึกษาและมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล Universal Prevention โดยดำเนินการ ดังนี้


  1. สร้างความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโรงเรียน อาทิ ครู ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษา ในการจัดพื้นที่การเรียนการสอนแบบ On-Site (ไป-กลับ) และวิธีจัดการเรียนการสอน เช่น สลับชั้นเรียน สลับเวลาเรียน
  2. เตรียมความพร้อมของอาคารสถานที่ วัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน สภาพแวดล้อมบริเวณโรงเรียน ให้มีความสะอาดและปลอดภัย โดยทำความสะอาดบริเวณโรงเรียนทั้งหมดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่และน้ำ จุดบริการเจลแอลกอฮอล์ และจัดหาอุปกรณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาด
  3. นักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร บุคลากรของโรงเรียน ผู้ปกครอง และผู้มาติดต่อราชการ ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา
  4. จัดเตรียมสถานที่ของโรงเรียนให้มีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล หรือเว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะเรียนและที่นั่งอย่างน้อย 1 – 2 เมตร เพื่อลดความแออัดในสถานที่ต่าง ๆ โดยจัดการเรียนการสอนให้มีจำนวนนักเรียนห้องละไม่เกิน 25 คน
  5. จัดตั้งจุดคัดกรองบริเวณทางเข้า ของสถานศึกษา ควบคุมทางเข้า และทางออก โดยลงทะเบียนก่อน เข้า – ออก มีการบันทึกข้อมูลรายงาน
  6. กรณีที่ผู้ปกครองมารับบุตรหลานที่โรงเรียน ต้องจัดพื้นที่พักคอยสำหรับผู้ปกครองบริเวณหน้าโรงเรียน
  7. มีระบบและแผนรับการประเมินความพร้อม โดยทีมตรวจราชการบูรณาการจากสำนักการศึกษา สำนักงานเขต ศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย
  8. ครู บุคลากร และนักเรียน ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์
  9. นักเรียน ครู และบุคลากรต้องตรวจ ATK วันแรกของการเปิดเรียน และมีการสุ่มตรวจเฝ้าระวัง โดยขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานเขตศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  10. นักเรียน ครู บุคลากร ที่อยู่ในพื้นที่ Safety Zone ต้องประเมิน Thai Save Thai (TST) อย่างต่อเนื่องทุกวัน
  11. ประสานสำนักงานเขต ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินการสุ่มตรวจ ATK นักเรียน ครู บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา เพื่อเฝ้าระวังอย่างน้อยร้อยละ 10-20 จำนวน 2 ครั้ง/สัปดาห์
  12. กรณีโรงเรียนพบนักเรียนที่สงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (Patient Under Investigation : PUI) ให้แยกเด็กออกมาจากผู้อื่น แจ้งผู้ปกครอง และโทรแจ้งสายด่วนสุขภาพ 1646 ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ หรือโทรแจ้งศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์ตามเกณฑ์สอบสวนโรค
  13. ปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น
  14. นักเรียน ครู บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน เขียนบันทึก Timeline กิจกรรมประจำวัน การเดินทางเข้าไปในสถานที่ต่าง ๆ แต่ละวันอย่างสม่ำเสมอ
  15. สถานประกอบกิจการ/กิจกรรม รอบรั้วสถานศึกษาในระยะ 10 เมตร ต้องผ่านการประเมิน TSC+ COVID free setting .-สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

เริ่มใช้เครื่องจักรหนักเปิดซากอาคาร สตง.ถล่ม

102 ชั่วโมงแล้ว สำหรับปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุอาคาร สตง.ถล่ม หน่วยกู้ภัยจากนานาชาติให้ความหวังว่ายังมีโอกาสเจอผู้รอดชีวิต ทำให้การค้นหาวันนี้ต้องแข่งกับเวลาอย่างเต็มที่

ทองไทยนิวไฮต่อเนื่อง ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 550 บาท

ทองคำไทยผันผวนหนัก ปรับเปลี่ยน 18 ครั้ง ก่อนปิดตลาดปรับเพิ่ม 550 บาท ระหว่างวันขึ้นไปแตะนิวไฮ ทองคำแท่งขายออก 50,700 บาท ทองรูปพรรณขายออก 51,500 บาท ขึ้นไป ต่อเนื่อง