สธ.14 ต.ค.-“อนุทิน” นำคณะผู้บริหารลงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ เร่งแก้ปัญหาโควิดที่ยังพบผู้ป่วยสูง ส่งยาฟาวิพิราเวียร์และวัคซีนลงพื้นที่ ตั้งเป้าฉีดให้ครอบคลุมประชากรเป้าหมาย 70% ภายในเดือน ต.ค.พร้อมสร้างความเข้าใจให้ประชาชนใช้ชีวิตปกติควบคู่กับการป้องกันขั้นสูงสุด
วันนี้ (14 ต.ค.) ที่ รพ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ โควิด 19 ของจังหวัดสงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส หลังมีรายงานผู้ติดเชื้อสูงขึ้น เพื่อร่วมกันวางแนวทางแก้ไขปัญหา ควบคุมการแพร่ระบาด
นายอนุทิน กล่าวว่า ภาพรวมเขตสุขภาพที่12 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ย 7วันย้อนหลังอยู่ที่2,400กว่าราย ตั้งแต่ 1 เม.ย.-12 ต.ค.64 มีผู้ติดเชื้อสะสม 138,261 ราย เสียชีวิต 1,133 ราย อัตราตาย0.8% สาเหตุการติดเชื้อเป็นการระบาดในครอบครัวและชุมชน มีระบาดเป็นกลุ่มเล็กๆในโรงงาน ตลาด และในกิจกรรมการรวมกลุ่ม ไม่มีคลัสเตอร์ใหญ่ มีบางส่วนมาจากการลักลอบเข้าประเทศผ่านพรมแดนธรรมชาติ และประชาชนบางส่วนยังไม่มารับการฉีดวัคซีน จึงได้ส่งทีมในเขตสุขภาพที่ 12 กรมอนามัย กรมสุขภาพจิต รพ.สต.ต่างๆ ช่วยลงพื้นที่พบผู้นำชุมชนและประชาชน เพื่อสื่อสารทำความเข้าใจให้เข้ารับการฉีดวัคซีน พร้อมกับให้ความรู้การดำเนินวิถีชีวิตตามปกติที่ต้องเน้นการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด (Universal Prevention) โดยได้สนับสนุนวัคซีนไฟเซอร์ให้ 1 ล้านโดส ฉีดให้ครอบคลุมประชากรเป้าหมาย 70% ภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้ เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน โดยในสัปดาห์นี้จะส่งวัคซีน 4 แสนโดส และสัปดาห์หน้าอีก 6 แสนโดส
นอกจากนี้ยังสนับสนุนยาฟาวิพิราเวียร์ ให้ จ.นราธิวาส 200,000 เม็ด ปัตตานี 50,000 เม็ด สงขลา 1,200,000 เม็ด ส่วนยะลาส่งให้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ต.ค.64 350,000 เม็ด พร้อมส่งชุดตรวจ ATK ให้กับบุคลากรทางการแพทย์อีก 140,000 ชุด มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ได้โดยเร็ว
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 เขตสุขภาพที่ 12 มีเตียงทั้งหมด 28,451 เตียง เป็นเตียงสำหรับผู้ป่วยกลุ่มสีแดง 401 เตียง กลุ่มสีเหลือง 3,167เตียง และกลุ่มสีเขียวรวมโรงพยาบาลสนาม24,883เตียง ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 79.9% มีผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยดูแลรักษาตัวเองที่บ้านประมาณ 2,400 ราย ได้ให้เพิ่มระบบ HI/CI เพื่อให้โรงพยาบาลมีเตียงดูแลผู้ป่วยที่มีอาการระดับปานกลางขึ้นไป และให้โรงพยาบาลหาดใหญ่เป็นแม่ข่ายสนับสนุนจังหวัดต่างๆ ทั้งการรับส่งต่อผู้ป่วย บุคลากร ยาและเวชภัณฑ์ในช่วงที่มีการแพร่ระบาด รวมถึงเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น โดยกองทัพภาคที่ 4 ยินดีให้การสนับสนุน
สำหรับ จ.ยะลา ยังพบการระบาดต่อเนื่องใน 5 อำเภอ ได้แก่ เมืองยะลา บันนังสตา รามัน ยะหา และกรงปินัง นอกจากการใช้มาตรการหลัก 4 ด้าน ได้แก่ ด้านสาธารณสุข ด้านองค์กร ด้านบุคคล และด้านสังคม ได้เพิ่มมาตรการ Universal Prevention และ COVID-Free setting ในหน่วยงาน องค์กร และ สถานประกอบการต่างๆ หลังจากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ได้เพิ่มมาตรการตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วย ATK ในพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกจากชุมชนและส่งเข้าระบบ HI/CI เร่งรัดฉีดวัคซีนเชิงรุกทั้งในและนอกสถานพยาบาลให้ได้วันละ 9,500 โดส ล่าสุดฉีดสะสม 271,370 คน คิดเป็น 60.07%, จำกัดพื้นที่ที่พบการระบาด เช่น ปิดหมู่บ้าน/ชุมชน ส่วนเตียงรับผู้ป่วย ปัจจุบันมีทั้งหมด 3,540 เตียง ใช้ไปแล้ว 94.12% ได้เพิ่ม CI/HI ในทุกอำเภอ ติดตามดูแลที่บ้านโดยทีมสหวิชาชีพ ปรับการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ให้เร็วขึ้น เพื่อลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิต นอกจากนี้ ได้เปิดสายด่วนโควิด 19 จังหวัดยะลา 1567 ตอบคำถามและอำนวยความสะดวกประชาชนเวลา 06.00 -21.00 น. ทุกวัน .-สำนักข่าวไทย