สธ.8 ต.ค.-กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันมีวัคซีนไฟเซอร์ฉีดนักเรียนเพียงพอ พบมีอาการข้างเคียงบ้างแต่หายเป็นปกติ ขณะที่ภาพรวมการฉีดวัคซีนทั้งประเทศแล้ว 47.5%
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์ล่าสุดการฉีดวัคซีนโควิด-19 ภาพรวมประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนได้เร็ว ยอดสะสม 58 ล้านโดส ภาพรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 47.5 % เป็นเข็มแรก 47.5 % จำนวน 34,188,488 คน เข็มสอง 31.2% จำนวน 22,460,213 คน เข็ม 3 2.3% จำนวน 1,649,999 คน โดยพื้นที่กรุงเทพฯเป็นพื้นที่ที่มีการฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมมากที่สุด รองลงมาเป็นจังหวัดปทุมธานี สำหรับกลุ่มเสี่ยง 608 ฉีดวัคซีนในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัดครอบคลุมแล้ว 44.2 % วัคซีนที่ฉีดมากสุดคือแอสตราเซเนกา รองลงมาซิโนแวค ซิโนฟาร์ม และไฟเซอร์
สำหรับแผนการจัดวัคซีนโควิด-19 ที่จะเข้ามาในประเทศไทยเดือน ต.ค.24 ล้านโดส เดือน พ.ย.23 ล้านโดส และเดือน ธ.ค.24 ล้านโดส เชื่อว่าเพียงพอครอบคลุมทั้งประเทศ
ส่วนกรณีที่มีดราม่าในโลกออนไลน์ แฮชแท็กขึ้นอันดับ 1 “นักเรียนอยากฉีดแต่วัคซีนไม่พอ” นั้น นพ.โสภณ กล่าวยืนยันว่า มีวัคซีนไฟเซอร์เพียงพอสำหรับเด็กนักเรียน ซึ่งระยะแรกจะส่งไปจำนวน 40% ก่อน และทยอยส่งจนครบทุกคน โดยตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ วันแรกวันที่ 4 ต.ค.ในกลุ่มอายุ 12-17 ปี พบมีอาการเจ็บบริเวณแขนที่ฉีด บวมร้อน วิงเวียนศีรษะเหมือนจะเป็นลม แต่มีจำนวนไม่มาก เมื่อปฐมพยาบาลก็หายเป็นปกติ เชื่อว่าเด็กอาจมีความเครียดหรือกังวล แนะสถานศึกษาจัดฉีดวัคซีนในที่โล่งโปร่ง เปิดเพลงให้ผ่อนคลาย และเมื่อฉีดวัคซีนแล้วต้องมีการเฝ้าสังเกตระวังอย่างต่อเนื่องทุกวัน อาจมีแน่นเจ็บหน้าอก หอบเหนื่อยง่าย อาการใจสั่น เป็นลมหมดสติ หากพบอาการไม่พึงประสงค์จำเป็นต้องรีบส่งตัวรักษาทันที
นอกจากนี้ตามที่ต่างประเทศมีการทดสอบฉีดไฟเซอร์ ในกลุ่มเด็กที่มีอายุระหว่าง 5-11 ปี นั้น ขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ได้ส่งรายงานผลมาแต่อย่างใด และคงต้องรอให้ขึ้นทะเบียน FDA ก่อน ไทยจึงจะพิจารณา โดยในส่วนของประเทศไทยยังคงฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในช่วงอายุ 12 ปีขึ้นไปไม่มีการปรับช่วงอายุแต่อย่างใด
นพ.โสภณ ยังกล่าวฝากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จำนวนผู้ป่วยอาจลดลงแต่ยังคงน่าเป็นห่วง จึงจำเป็นต้องเข้มงวดมาตรการป้องกันตัวเองแบบครอบจักรวาลตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ ขณะที่การฉีดวัคซีนสตรีมีครรภ์ไม่เป็นไปตามเป้า มีผู้มาฉีดจำนวนน้อยพบมีหญิงมีครรภ์เสียชีวิตแล้วเกือบ 100 รายและสูญเสียลูกเกือบครึ่งหนึ่ง และยังพบว่ามีการแพร่ระบาดในกลุ่มงานศพเนื่องจากมีการถอดหน้ากากรับประทานอาหารร่วมกัน .-สำนักข่าวไทย