สธ.4 ต.ค.-อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้ทั่วโลกยอมรับการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ และการกระตุ้นภูมิด้วยการปูพื้นวัคซีนเชื้อตายก่อนค่อยตามด้วยไวรัลเวกเตอร์และm-RNA ย้ำผลข้างเคียงจากการรับแอสตราเข็ม 3 ทำให้เกิดอาการไข้ ปวดตัวเป็นเรื่องปกติ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีข้อสงสัยผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกากรณีเข็มกระตุ้น จะมีเอฟเฟกต์ (effect) มากกว่าหรือไม่ ว่า คำว่าเอฟเฟกต์มากกว่า มี 2 แบบ คือเอฟเฟกต์ภูมิคุ้มกัน กับเอฟเฟกต์ความปลอดภัย ซึ่งตอนนี้ทฤษฎีที่พบคือ ฉีดวัคซีนชนิดใดจะฉีดชนิดนั้น เช่น ซิโนแวคกับซิโนแวค แอสตรากับแอสตราฯ แต่ระยะหลังเริ่มมีข้อมูลว่า การฉีดไขว้ ประโยชน์จะมากกว่า เช่น วัคซีนตัวหนึ่งจะไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันแบบหนึ่งดีกว่าอีกแบบหนึ่ง ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันจะมีหลายแบบ
โดยจะมีทฤษฎีการฉีดปูพื้น ที่เรียกว่าไพร์ม(Prime) จะปูพื้นด้วยเชื้อตาย ไม่ว่าจะซิโนแวค หรือซิโนฟาร์ม และค่อยกระตุ้นหรือบูสด้วยแอสตรา ซึ่งจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันคนละระบบ ส่วนเรื่องเกิดผลข้างเคียงเยอะกว่าหรือไม่ เท่าที่ติดตาม คือไม่ โดยวัคซีนแต่ละชนิดที่ฉีดไขว้ไม่ได้มีผลข้างเคียงมากกว่าเดิม แต่ฉีดไขว้ประสิทธิผลค่อนข้างดี ซึ่งอีกไม่นานข้อมูลจะออกมาเรื่อยๆ และตอนนี้องค์การอนามัยโลกยอมรับการฉีดไขว้ คือ แอสตราฯและกระตุ้นด้วยไฟเซอร์ เนื่องจากต่างประเทศฉีดเชื้อตายไม่มาก ซึ่งวิธี การฉีดปูพื้น กับกระตุ้นนั้น เดิมเคยใช้กับวัคซีนเอชไอวี โดยมีตัวหนึ่งปูพื้นและกระตุ้นอีกตัว ซึ่งหลักการจะคล้ายกัน
นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนที่ระบุว่าการฉีดวัคซีนแอสตราฯเข็ม 3 กระตุ้นในคนที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มจะทำให้มีผลข้างเคียงมากกว่าปกติหรือไม่นั้น จริงๆต้องบอกว่า วัคซีนเชื้อตายผลข้างเคียงน้อยกว่า โดยผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นในคนฉีดเข็ม 3 มาจากวัคซีนแอสตรา ทั้งเป็นไข้ ปวดกล้ามเนื้อ มากกว่าซิโนแวคและซิโนฟาร์ม อาการที่เกิดขึ้น ไม่ได้มากเพราะเป็นเข็ม 3 แต่เท่ากับการรับแอสตราฯเข็ม 1 .-สำนักข่าวไทย