ภูมิภาค 3 ต.ค.-กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ส่งทีมเอ็มเสิร์ท ลงพื้นที่ช่วยเหลือฟื้นฟูสถานพยาบาลภาครัฐ จากเหตุการณ์อุทกภัยภาคอีสาน เพื่อให้สถานพยาบาลสามารถให้บริการประชาชนได้
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า จากเหตุการณ์อุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากพายุเตี้ยนหมู่ที่ทำให้เกิดฝนตกหนักยาวนาน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงได้มอบหมายให้ทีมวิศวกรรมการแพทย์ฉุกเฉิน หรือเอ็มเสิร์ท (Medical Supportive Emergency Response Team : MSERT) จากศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 5 จังหวัดราชบุรี เข้าฟื้นฟูสถานพยาบาลภาครัฐในพื้นที่น้ำท่วมในจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดนครราชสีมา โดยทีมเอ็มเสิร์ทได้ดำเนินการเข้าไปจัดการฟื้นฟูโรงพยาบาลบำเหน็จณรงค์ โรงพยาบาลจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านแปรง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองบัวละคร โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลพลสงคราม โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสำโรง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลคูเมือง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านปรางค์ จังหวัดนครราชสีมา ด้วยปฏิบัติการซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค เครื่องมือทางการแพทย์ เครื่องคอมพิวเตอร์ ให้กลับมาใช้งานได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว จึงทำให้สถานพยาบาลสามารถเปิดบริการ OPD, ER และห้องจ่ายยา ห้องผ่าตัด ICU ทันตกรรม หน่วยจ่ายกลาง ฯลฯ ได้ทันที หลังน้ำลด หน่วยบริการต้องมีระบบไฟฟ้าและน้ำประปาพร้อมใช้ ซึ่งการปฏิบัติการของทีมเอ็มเสิร์ท เป็นการช่วยลดงบประมาณในการบำรุงรักษาและแก้ไขซ่อมแซมระบบและเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่อาจะเกิดความเสียหายได้เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1-12 เตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วมสถานพยาบาลภาครัฐ ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือในระบบที่สำคัญ 5 ด้าน ประกอบด้วยระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบสื่อสาร เครื่องมือแพทย์ และอาคารสถานที่ เพื่อให้สถานพยาบาลสามารถกลับมาใช้งานเครื่องมือ ระบบต่างๆ ได้ตามปกติ ในการให้บริการประชาชนได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายแพทย์ธเรศ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยกองสุขศึกษา ได้ผลิตสื่อความรู้ด้านสุขภาพ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนเรื่องโรคที่อาจมาในช่วงหลังน้ำลด เช่น โรคน้ำกัดเท้า โรคตาแดง โรคไข้หวัด และโรคอุจจาระร่วง ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจในการนำไปปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคดังกล่าว ทั้งนี้ หากสถานพยาบาลภาครัฐแห่งใดที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1–12 ในเขตพื้นที่ หรือติดต่อสายด่วน กรม สบส. 1426 เพื่อให้การช่วยเหลือสถานพยาบาลภาครัฐต่อไป.-สำนักข่าวไทย