กทม. 25 ก.ย.-กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะกินสมุนไพรที่มีสรรพคุณเผ็ดร้อน ผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ สามารถช่วยบรรเทาอาการหวัด เสริมภูมิต้านทานให้ร่างกาย
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในช่วงหน้าฝนหรือช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง กลุ่มที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ คือ กลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ซึ่งมักได้รับผลกระทบต่อสุขภาพได้ง่าย รวมทั้งประชาชนควรหันมาใส่ใจสุขภาพของตนเองให้มากขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคไข้หวัด เพราะหากป่วยเป็นไข้หวัดและไม่มีการดูแลสุขภาพที่ดี อาจส่งผลให้เป็นโรคหลอดลมอักเสบและโรคปอดบวมในที่สุด โดยสมุนไพรไทยที่ควรกินเพื่อเสริมภูมิต้านทานในช่วงหน้าฝน ได้แก่ กระเทียม หอมแดง กระชาย ขิง ข่า ตระไคร้ ผักต่างๆหลากสี ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซี ได้แก่ พริกหวาน ผักโขม บร็อคโคลี่ กะหล่ำดอก ปวยเล้ง มะระขี้นก ผักหวาน ขี้เหล็ก ใบกะเพรา และมะนาว ซึ่งผักและสมุนไพรเหล่านี้สามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเผ็ดร้อนสามารถช่วยบรรเทาอาการหวัด และเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรงในช่วงหน้าฝนที่อากาศเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ควรกินผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเป็นประจำ เช่น ฝรั่ง มะละกอ ส้มโอ มะเฟือง ส้มเขียวหวาน และกล้วยน้ำว้า เป็นต้น เพราะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย และต้านโรคหวัดได้ รวมทั้งควรกินอาหารที่ปรุงสุกร้อน เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายและป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อจุลชีพก่อเกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร
“ทั้งนี้ ควรหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน อาทิ เดิน วิ่งเหยาะๆ ขี่จักรยาน หรือเล่นกีฬา ที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง หรือทำงานบ้าน เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน ซึ่งการเริ่มต้นออกกำลังกายนั้น ควรเริ่มจากเบาๆ ระยะเวลาน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายปรับตัว จากนั้นจึงเพิ่มความแรงหรือความหนักและการออกกำลังกายในแต่ละครั้ง โดยทำให้รู้สึกหายใจเร็วขึ้น ไม่จำเป็นต้องหนักหรือเหนื่อยมาก ไม่ถึงกับหอบหรือหายใจไม่ทัน โดยทำเป็นประจำสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30 นาที เพื่อส่งเสริมและฟื้นฟูระบบต่างๆ ในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งควรดื่มน้ำสะอาด หรือน้ำอุ่น อย่างน้อยวันละ 1.5 – 2 ลิตร และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานและมีสุขภาพแข็งแรงในระยะยาว ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว .-สำนักข่าวไทย