กทม.ฉีดวัคซีนโควิดให้เด็ก 12-18 ปีที่เป็นกลุ่มเสี่ยง

กทม. 21 ก.ย.-กทม.ทยอยฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 12-18 ปีที่มีโรคในกลุ่ม 7 โรคกลุ่มเสี่ยง


พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 12-18 ปีที่มีโรคในกลุ่ม 7 โรคกลุ่มเสี่ยง ว่า กทม.ร่วมกับมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับเด็กกลุ่มเสี่ยงอายุตั้งแต่ 12-18 ปี ซึ่งได้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ผ่านQR Code เมื่อวันที่ 6-8ก.ย.ที่ผ่านมา และได้รับการประเมินจากแพทย์โดยมีเอกสารที่ระบุการเจ็บป่วย เช่นใบรับรองแพทย์หรือใบนัดตรวจสถานพยาบาล หรือใบรับรองความพิการ หรือใบรับรองหรือเอกสารใดๆ ที่ระบุว่ามีการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยวันนี้เป็นการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่เด็กนักเรียนอายุ 12-18 ที่เป็น 7โรคกลุ่มเสี่ยงที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งรวมทั้งนักเรียนในสังกัดกทม. และสังกัดอื่นๆ แบ่งเป็นฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 800 โดสและฉีดเข็มที่ 2 จำนวน 700 โดส (ฉีดเข็มที่ 1เมื่อวันที่27 ส.ค.64)

ทั้งนี้ จากการลงทะเบียนมีเด็กอายุ 12-18 ปีที่เป็น 7 โรคกลุ่มเสี่ยง แจ้งความประสงค์รับการฉีดวัคซีนกว่า5,000 คน ขณะนี้ดำเนินการฉีดแล้วประมาณ 2,000 คน เหลืออีก 3,000 คน หาก กทม.ได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งดำเนินการฉีดให้ครบ


พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า เดิม กทม. มีความตั้งใจที่จะฉีดวัคซีนให้แก่เด็กอายุ 12-18 ปีที่อยู่ในกรุงเทพฯทุกคน ไม่เฉพาะที่เป็น 7โรคกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น ซึ่งรวมมีเด็กกลุ่มนี้ประมาณ 1 ล้านคน เพื่อความปลอดภัยของเด็ก รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมในกรณีที่อาจจะมีการเปิดภาคเรียน โดยหากสามารถฉีดวัคซีนให้เด็กครบทุกคนหรือ 70% ขึ้นไปก่อนเปิดภาคเรียน จะเป็นการเพิ่มความปลอดภัยและลดความกังวลใจของเด็กและผู้ปกครอง

ทั้งนี้ กทม.ได้ทำการสำรวจข้อมูลนักเรียนในสังกัดที่มีอายุระหว่าง 12 – 18 ปี ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนเกี่ยวกับการรับวัคซีนโดยสำรวจผู้ที่มีภาวะเสี่ยงและผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ดังนี้ ผู้ที่มีภาวะเสี่ยง กลุ่มอายุ 12-13 ปี น้ำหนัก 70 กิโลกรัม กลุ่มอายุ 13 – 15 ปี น้ำหนัก 80 กิโลกรัม กลุ่มอายุ 15-18 ปี น้ำหนัก 90 กิโลกรัม

ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ได้แก่ 1. โรคอ้วน ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น 2. โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งหอบหืดที่มีอาการปานกลางหรือรุนแรง 3. โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง 4. โรคไตวายเรื้อรัง 5. โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ 6. โรคเบาหวาน 7. กลุ่มโรคพันธุกรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง และเด็กที่มีพัฒนาการช้า


สำหรับความคืบหน้าภาพรวมการฉีดวัคซีนประชากรใน กทม.ขณะนี้เข็ม2 ฉีดไปได้ประมาณ 40% กลุ่มเสี่ยง608 ฉีดไปได้ 95% ผู้ว่าฯกทม.ยังเผยว่า ความตั้งใจจริงๆ แล้ว กทม.อยากจะฉีดให้กับผู้ที่สมัครใจฉีดให้ได้ทั้ง100% หากได้รับจัดสรรวัคซีนมากพอซึ่งก็มีการประสานกับทางสธ.ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามประเด็นการเปิดรับนักท่องเที่ยว ก็จะยังเป็นไปตาม 3 แนวทางที่แจ้งไว้ คือขอให้เข็มสองเกิน70% และรอหลังจากนั้นอีก7-14 วันตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันก่อน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]