19 ก.ย.- พม. – ป.ป.ท.แถลงจับ “นักพัฒนาสังคม” ทุจริตเงินกรมคนพิการฯ 13 ล้านบาท รวบตัวได้เมื่อคืนนี้ขณะกำลังหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน
นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยนางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ร่วมแถลงข่าวกรณีนักพัฒนาสังคมทุจริตเงินกลุ่มเปราะบาง หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ ว่า หลังจากมีหลักฐานแน่ชัดว่านายพิศาล นักพัฒนาสังคม ได้ทุจริตเงินนอกงบประมาณของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ จึงประสานตำรวจ สน.พญาไท, ป.ป.ท., ซึ่งได้ประสานต่อยังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ทำให้สามารถจับกุมนายพิศาลได้เมื่อคืนนี้ ตามหมายจับของศาลอาญาลงวันที่ 17 กันยายนขณะกำลังหลบหนีข้ามแดนที่อำเภอแม่สาย โดยรับสารภาพว่าทำการทุจริตจริง และขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจพญาไท ปลัด พม.ย้ำว่าจะเอาผิดและดำเนินคดีกับนายไพศาล จนถึงที่สุด
ด้านนางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กล่าวว่า วันนี้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการได้มีคำสั่งให้นายพิศาล พ้นจากหน้าที่และระงับการจ่ายเงินเดือน และได้มีหนังสือถึงเลขาธิการ ปปง.ให้ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของนายพิศาลโดยด่วน เพราะเป็นนโยบายของกระทรวงต้องทำงานให้สุจริตโปร่งใส ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นระดับผู้บริหารหรือผู้ปฏิบัติการ กระทรวงฯจะไม่ลดหย่อนโทษให้ ไม่ปล่อยประละเลยเอาโทษถึงที่สุด
ปลัด พม. ย้ำว่าขณะนี้ได้ปรับเปลี่ยนรหัสและจะปรับปรุงระบบเทคโนโลยีการโอนเงิน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีกในอนาคต และว่าสาเหตุที่นายพิศาล ทำทุจริตโดยเข้าในระบบได้ เพราะมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านบัญชี ส่วนรหัสการเข้าถึงบัญชี โอนเงินจากบัญชีของกรมฯ จะมีพนักงาน 3 คนมีรหัส ซึ่งในการถอนและโอนเงิน ต้องมีอย่างน้อย 2 ใน 3 คนถึงจะถอนได้ และนายพิศาล รับสารภาพว่าตนรู้รหัสของอีก 2 คน
ปลัด พม.กล่าวว่าขณะนี้ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ให้ดูความผิดย้อนหลังไปจนถึงที่สุด ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้น นายพิศาล สารภาพว่าได้กระทำผิดเพียงคนเดียว ส่วนเงินที่ถูกทุจริตนั้นเป็นเงินนอกงบประมาณไม่ใช่เงินช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ตามกระแสข่าวที่ออกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเงินนอกงบประมาณ ที่ถูกทุจริตไปเป็นเงินที่มีความเคลื่อนไหวน้อย จึงอาจจะละเลยสายตาของผู้ตรวจสอบบัญชีไปได้ ด้าน ผู้แทนของ ปปง. แจ้งให้ระงับบัญชีของนายไพศาลและทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ผลสอบความเชื่อมโยงทางบัญชีจะเสร็จภายใน 30 กันยายน ขณะนี้กำลังเช็กยอดบัญชีที่ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นประมาณ 13 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ปลัด พม. ยังไม่ปักใจเชื่อว่านายพิศาล ทำคนเดียว ต้องตรวจสอบว่าทำกับผู้ใดหรือไม่ และจะหาวิธีป้องกันการทุจริตในอนาคตอย่างไร .-สำนักข่าวไทย