เทคโนโลยีไม่หยุดนิ่ง สปสช.ดึงทุกภาคส่วนพัฒนาสิทธิประโยชน์

กทม. 18 ก.ย.-นพ.ภูษิต เน้นย้ำการพัฒนาสิทธิประโยชน์ระบบบัตรทองมีความจำเป็น ต้องเท่าทันความเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ด้าน สปสช. ดึงทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

นพ.ภูษิต ประคองสาย ที่ปรึกษาระดับกระทรวงนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านส่งเสริมสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า เทคโนโลยีทางการแพทย์ หรือการให้บริการด้านสุขภาพมีพัฒนาการและนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา ฉะนั้นการพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) จึงมีความจำเป็น เพราะไม่เช่นนั้นชุดสิทธิประโยชน์จะหยุดนิ่งและไม่ทันการพัฒนาของเทคโนโลยีใหม่


นพ.ภูษิต กล่าวว่า พัฒนาการสำคัญที่ทำให้ชุดสิทธิประโยชน์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คือการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้กำหนดนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ นักวิชาการ ภาคประชาสังคม กลุ่มผู้ป่วย ฯลฯ เข้ามามีส่วนร่วมเสนอหัวข้อเข้ามาในชุดสิทธิประโยชน์ โดยใช้หลักฐานทางวิชาการ และหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าสิ่งที่จะผนวกเข้ามาในชุดสิทธิประโยชน์มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และส่งผลดีต่อสุขภาพประชาชนหรือไม่ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ

“การที่เราให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนของการเสนอหัวข้อ พิจารณาชุดสิทธิประโยชน์ว่ามีข้อมูลหลักฐานว่ามีความคุ้มค่าในทางเศรษฐศาสตร์หรือไม่ หรือควรจะตัดสินใจที่จะนำชุดสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ เข้ามาในบัตรทองหรือไม่” นพ. ภูษิต ระบุ


นพ.ภูษิต กล่าวอีกว่า การเพิ่มสิทธิประโยชน์ หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ จะช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ได้พัฒนาการใช้เทคโนโลยี-วิชาการ-ทักษะในการรักษาพยาบาล ยกตัวอย่างการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น หัวใจ ในอดีตประชาชนไม่สามารถจ่ายค่ารักษาได้ ฉะนั้นเมื่อมีเคสที่มีความต้องการปลูกถ่ายหัวใจก็ไม่สามารถรับบริการได้ แต่เมื่อมีบัตรทองเข้ามาสนับสนุนค่าใช้จ่ายก็จะทำให้มีผู้ป่วยหรือผู้บริจาคอวัยวะเข้ามาให้บุคลากรทางการแพทย์ได้รักษา เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีและทักษะทางการแพทย์อีกทางหนึ่ง

“ประโยชน์ที่ภาครัฐจะได้คือประชาชนมีสุขภาพที่ดี ส่งผลให้ประชาชนสามารถสร้างผลิตภาพ (productivity) ได้ดีขึ้น อย่าไปมองว่างบประมาณที่สนับสนุนบัตรทองเป็นภาระ เพราะจริงๆ แล้วเป็นเรื่องของการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์” นพ.ภูษิต ระบุ

ด้าน นางวราภรณ์ สุวรรณเวลา ประธานสายงานขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สิทธิบัตรทองครอบคลุมบริการทุกอย่าง ณ ตอนนี้ รายการที่ยกเว้น ยังไม่ครอบคลุมในระบบบัตรทอง เช่น ศัลยกรรมความงามที่ไม่มีเหตุผลทางการแพทย์ การผสมเทียม การบำบัดผู้ติดยาเสพติดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ผู้ประสบภัยจากรถที่รับการคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจากรถ รวมไปถึงการรักษาที่อยู่ในระหว่างการทดลอง


นางวราภรณ์ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนในการเสนอชุดสิทธิประโยชน์มี 4 ขั้นตอนสำคัญ ขั้นตอนที่ 1 การเสนอหัวข้อซึ่งจะมีการเปิดรับหัวข้อจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นบริการสาธารณสุข หรือเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งจะมีการเปิดรับหัวข้อทุกปี ตั้งแต่ 1 ต.ค. – 30 ธ.ค. ผ่านทางเว็บไซต์ ขั้นตอนที่ 2 เป็นการจัดลำดับความสำคัญของหัวข้อที่มีการเสนอเข้ามา เนื่องจากหัวข้อที่ถูกเสนอมีจำนวนมาก แต่ทรัพยากร เช่น งบประมาณ หรือนักวิจัยนั้นมีจำกัด ฉะนั้นจึงต้องมีเกณฑ์ประเมินเพื่อจัดอันดับในเบื้องต้นว่าเรื่องที่ส่งเข้ามามีความสำคัญมาก-น้อยแค่ไหน และแตกต่างกันอย่างไร โดยมีคณะทำงานที่มีผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนในการพิจารณาร่วมกัน

สำหรับขั้นตอนที่ 3 การประเมินความคุ้มค่า นักวิชาการจะทำการวิจัยเพื่อประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ และขั้นตอนที่ 4 นำผลการประเมินเข้าสู่กระบวนการตัดสินใจของคณะทำงานด้านเศรษฐศาสตร์ คณะอนุกรรมการด้านสิทธิประโยชน์ และคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

นอกจากนี้ กระบวนการสื่อสารมีทั้งขาเข้าและขาออก โดยขาเข้านั้นนอกจากจะมีการแจ้งหนังสือไปยังกลุ่มของภาคประชาชน ภาคประชาสังคม หรือเครือข่ายผู้ป่วย สปสช. มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นทั่วไปประจำปี ซึ่งผู้เข้าร่วมในกระบวนการรับฟังความเห็นทั้งประเทศสามารถเสนอประเด็นสิทธิประโยชน์ได้ ซึ่งกระบวนการนี้ทำให้ไม่เกิดการตกหล่นเนื่องจากทำทั้งประเทศ สำหรับกลุ่มอื่นๆ ก็จะมีการสื่อสารผ่านเว็บไซต์และส่งหนังสือแจ้ง ส่วนขาออกนั้นจะแจ้งด้วยการส่งหนังสือ และสื่อสารผ่านเว็บไซต์ที่จะสามารถดูข้อมูลได้ว่ากระบวนการไหนอยู่ในขั้นตอนใด

“การรับฟังความคิดเห็นประจำปีหน้าจะมีการสรุปปีที่ผ่านมาว่าที่เสนอมา ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่บ้าง ซึ่งเป็นการคืนข้อมูลให้กับประชาชนทราบอีกทางหนึ่ง” นางวราภรณ์ กล่าว

นางวราภรณ์ กล่าวว่า จากตัวอย่างที่เพิ่งผ่านมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เมื่อเดือน ธ.ค. 2563 และประกาศเป็นสิทธิประโยชน์ในวันที่ 1 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา คือการคัดกรองการได้ยินในเด็กแรกเกิด ทางคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพฯ ให้เริ่มในเด็กที่มีความเสี่ยงสูงก่อน โดยในแต่ละปีจะมีทารกกลุ่มเสี่ยงประมาณ 30,000 คน ที่ได้รับบริการคัดกรองการได้ยิน ซึ่งตามสถิติจะมีเด็กประมาณ 900 คนที่จะพบความผิดปกติทางการได้ยิน และได้รับการดูแลรักษาทันเวลา

นอกจากนี้ เมื่อพบว่าเด็กบางคนหูหนวก-หูตึง อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยฟัง แต่ขณะเดียวกันก็มีบางกลุ่มต้องผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมเนื่องจากไม่สามารถใช้เครื่องช่วยฟังได้ ซึ่งสิทธิประโยชน์ดังกล่าวใช้เวลานานถึง 10 ปีตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ในการจัดทำข้อเสนอเข้าสู่การตัดสินใจ เนื่องจากในขณะนั้นโอกาสยังไม่เปิด

“ในช่วงนั้นพบว่าเครื่องประสาทหูเทียมมีราคาประมาณ 1 ล้านบาท ทางคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพฯ ต้องตัดสินใจว่าการใช้เงินเยอะขนาดนี้จะทำอย่างไรให้การผ่าตัดสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่มีปัจจัยอื่น เช่น นักฝึกพูด ฝึกฟังยังมีจำนวนไม่มาก แพทย์เฉพาะทางก็อยู่ในเมืองใหญ่ๆ รวมไปถึงบางครอบครัวอาจไม่ได้ให้ความสำคัญหรือไม่ได้ฝึกเด็กต่อ ก็ทำให้มีโอกาสเสียของได้” นางวราภรณ์ กล่าว

นางวราภรณ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้เครื่องช่วยฟังมีราคาลดลงเหลือประมาณ 3-6 แสนบาท ถ้าซื้อเยอะก็สามารถต่อรองราคาลงได้ รวมไปถึงมีนักฝึกพูด ฝึกฟัง และแพทย์เฉพาะทางที่มากขึ้น ดังนั้นบริการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมจึงได้รับการพิจารณาบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ในคราวเดียวกันซึ่งเป็นบริการที่ต่อเนื่องกับการตรวจคัดกรองการได้ยินข้างต้นด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]