แพทย์อาสาดีใจได้ช่วยดูแลผู้ป่วยโควิดร่วมกับ สปสช.

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-แพทย์อาสาดีใจได้ร่วมดูแลผู้ป่วยโควิดตกค้างรอเตียงร่วมกับ สปสช. เผยทนเห็นภาพคนป่วยนอนเสียชีวิตอยู่ที่บ้านไม่ได้ ลุยดูแลผู้ป่วยสีเหลือง-แดง ตั้งแต่เดือน ก.ค. จนถึงช่วงที่จำนวนผู้ป่วยเริ่มน้อยลง


พญ.พัชรินทร์ ตรีจักรสังข์ กุมารแพทย์ด้านเวชบำบัดวิกฤต โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช กล่าวในฐานะแพทย์อาสาที่เข้าทำงานร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ตกค้างรอเข้าระบบการดูแลในโรงพยาบาลว่ารู้สึกดีใจที่ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยที่กำลังเคว้งคว้างรอการตอบรับจากหน่วยบริการ โดยจุดเริ่มต้นในการเข้ามาทำงานแพทย์อาสาในครั้งนี้ต้องย้อนไปช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ช่วงนั้นยอดของผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นจนน่าใจหาย ยิ่งเจอสายพันธุ์เดลตาซึ่งทำให้คนไข้มีอาการมากยิ่งขึ้น ก็คิดว่าเกินศักยภาพของโรงพยาบาลที่จะรับมือได้

“จริงๆ ตั้งแต่ได้ยินข่าวว่าในอินเดียมีคนไข้เสียชีวิตตามบ้านโดยไม่ได้เข้ารับการรักษาก็รู้สึกกังวลใจว่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทย สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจริง ตอนนั้นมีข่าวผู้ติดเชื้อนอนเสียชีวิตที่บ้าน ในฐานะของหมอรู้สึกแย่มาก คนอายุยังไม่มาก ยังมีอนาคตอีกไกลต้องมาเสียชีวิตเพราะไม่ได้เข้ารับการรักษา” พญ.พัชรินทร์ กล่าว


ด้วยเหตุนี้ พญ.พัชรินทร์ จึงค้นหาในกูเกิลเพื่อดูว่ามีที่ไหนต้องการความช่วยเหลือจากแพทย์อาสาบ้าง และได้ลงทะเบียนติดต่อ สปสช. แนะนำตัวว่าเป็นกุมารแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้าน ICU เด็กและคิดว่าสามารถช่วยดูแลคนไข้ได้ หลังจากนั้นจึงได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นแพทย์ที่ปรึกษาให้กับทีมจิตอาสาของ สปสช.

พญ.พัชรินทร์ กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนั้นมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ยังตกค้างไม่ได้รับการจับคู่กับหน่วยสถานบริการ บางคนก็อาการทรุดหนักลง ทีมจิตอาสาของ สปสช.จะทำหน้าที่ติดต่อประเมินอาการผู้ติดเชื้อระหว่างรอการตอบรับจากหน่วยบริการ ซึ่งในรายของผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงปานกลางจนถึงหนัก เจ้าหน้าที่จิตอาสาจะส่งต่อข้อมูลมาให้ทีมแพทย์ที่ปรึกษา เมื่อได้รับข้อมูลแล้ว แพทย์ก็จะโทรกลับไปหาผู้ป่วยเพื่อสอบถามประเมินอาการ หากจำเป็นต้องให้ยาหรือส่งเข้าโรงพยาบาลก็จะส่งต่อข้อมูลให้ทีม สปสช.ประสานหาเตียงให้

“เรามีทีมแพทย์ประมาณ 6 คน และแพทย์ที่เวียนเข้ามาช่วยอีกประมาณ 10 คน กระบวนการทำงานเราคือ คนไข้แต่ละคนจะประเมินว่าอาการตัวเองกำลังอยู่ในโซนสีเขียวเหลืองหรือแดง เช่น มีไข้ มีโรคร่วม กลุ่มคนท้อง กลุ่มเด็ก ถ้าคนไข้ประเมินอาการมาแล้วอยู่ในโซนเหลือง-แดง เจ้าหน้าที่ก็จะดึงข้อมูลเข้ามาในกลุ่มไลน์ที่มีหมออยู่ด้วย พร้อมเบอร์โทรให้หมอที่สะดวกในเวลานั้นติดต่อกลับไปประเมินคนไข้ แล้วก็ส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ สปสช.ว่าอาการอยู่ในโซนที่เป็นสีแดงจริง ให้เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น คนนี้ต้องให้ยา คนนี้ต้องประสานส่งออกซิเจนให้ก่อน คนนี้ต้องจองเตียงและประสานหน่วยกู้ภัยไปรับตัว ฯลฯ” พญ.พัชรินทร์ กล่าว


พญ.พัชรินทร์ กล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่เข้าร่วมทำงานแพทย์อาสา ทีมแพทย์ได้ช่วยดูแลผู้ป่วยสีเหลือง-แดงไปประมาณ 1,000 กว่าคน เฉพาะส่วนที่ตนดูแลน่าจะประมาณ 100 คนกว่า มีหลายเคสที่โทรติดตาม ส่งยา ส่งอุปกรณ์ให้จนหายดีไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล ทำงานนี้ตั้งแต่เดือน ก.ค. จนถึงปัจจุบัน แต่ในระยะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนคนไข้เริ่มน้อยลง บวกกับมีสถานพยาบาลจับคู่กับ สปสช.มากขึ้น โอกาสที่คนไข้จะตกค้างในระบบแล้วไม่มีสถานพยาบาลรับดูแลก็น้อยลงตามไปด้วย

พญ.พัชรินทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า รู้สึกดีใจที่ได้เข้ามาทำงานแพทย์อาสากับ สปสช. เพราะสมัยที่เป็นนักศึกษาแพทย์ก็ครูบาอาจารย์เป็นแบบอย่างในการทำงานเพื่อคนไข้ ทุกครั้งที่ได้ช่วยเหลือคนให้หายเจ็บป่วยกลับมามีชีวิตปกติก็รู้สึกมีความสุข หรือหากคนไข้ต้องจากไป อย่างน้อยก็ทำให้เป็นการจากไปอย่างสมเกียรติที่สุดของการได้เกิดมนุษย์ อย่างน้อยได้มีหมอรักษา ไม่ได้จากไปอย่างโดดเดี่ยวโดยที่ไม่ได้รับการดูแล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]