สธ.เทียบประโยชน์ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก

สธ.14 ก.ย.- สธ.เทียบประโยชน์ฉีดไฟเซอร์ให้เด็กยังสูงกว่าป่วย โอกาสเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบน้อยกว่าป่วยโควิด 6 เท่า ส่วนสถานการณ์ติดเชื้อกดหัวลงแล้ว


นพ.เฉวตรสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงภาพรวมการฉีดวัคซีน ว่า ขณะนี้ฉีดแล้ว 40.9 ล้านโดส เข็มที่ 1 คิดเป็น 38.2% เข็ม2 คิดเป็น 17.8% โดยแนวทางฉีดวัคซีนให้กลุ่มนักเรียน อายุ12-18ปี ที่ให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ กลุ่มเป้าหมาย ม.1-6 ทั้งสังกัดรัฐและเอกชน และนักเรียนอาชีวะ รวมถึงโรงเรียนในสังกัดอื่นที่เทียบเท่า โดยโรงเรียนในพื้นที่จะรวบรวมจำนวนนักเรียน มีแผนกระจายวัคซีนไฟเซอร์ สัปดาห์ที่ 1-2 ของเดือนตุลาคม จะส่งวัคซีนให้นักเรียนสัปดาห์ละ 1 ล้านโดส สัปดาห์ที่ 3 จำนวน 2 ล้านโดส สำหรับเข็ม 1สัปดาห์ที่ 4 อีก 1 ล้านโดส และจะฉีดห่างเข็ม 3-4สัปดาห์ และมีแผนต่อเนื่องในเดือนพฤศจิกายน

ส่วนเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่กังวล พบรายงานระบุต่ำ ถ้าติดเชื้อโควิดมีโอกาสเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ 50 ต่อแสน สูงกว่าการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากการฉีดวัคซีน 6เท่า เปรียบเทียบประโยชน์แล้วมากกว่า และเกิดขึ้นน้อยแม้เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจก็รักษาหายได้


สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในโลก มีการแกว่งตัวลง โดยในไทยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อยๆแต่ยังต้องระวัง หลังจากเปิดกิจการต่างๆ เดือนตุลาคม อาจมีตัวเลขกลับมาเพิ่ม ทางยุโรปมองว่าเมื่อฉีดวัคซีนมากแล้วต้องมองตัวเลขผู้รักษาในโรงพยาบาล ไม่ดูที่จำนวนผู้ติดเชื้อ ซึ่งภาพรวมในจังหวัดต่างๆมีตัวเลขลดลง รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจและผู้เสียชีวิตก็มีจำนวนลดลง เป็นสัญญาณที่ดี ความเสี่ยงยังอยู่ที่ผู้สูงอายุ และกลุ่ม 7โรคเสี่ยง รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ที่เร่งรณรงค์ให้มาฉีดวีคซีน ตั้งเป้า 1เดือน 1แสนรายในเดือนนี้

ทั้งนี้ ยังมี 26 จังหวัดที่มีรายงานการติดเชื้อมากกว่า 100 รายต่อวัน พบว่าการติดเชื้อยังเป็นการไม่เข้มข้นในมาตรการ เช่น การกินหมูกระทะร่วมกัน ช่วงที่คลายกิจการ ยังเสี่ยงสูงที่จะทำให้ผู้ติด้ชื้อกลับมาเพิ่มขึ้น .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สะพานยกระดับกำลังก่อสร้าง ถล่มทับด่วนระดับที่ 1 ตายแล้ว 5

สะพานยกระดับโครงการทางพิเศษพระราม 3-ดาวคะนอง ที่กำลังก่อสร้าง พังถล่มทับด่วนระดับที่ 1 เบื้องต้นเสียชีวิตแล้ว 5 ราย บาดเจ็บ 27 คน เร่งคนหาผู้สูญหาย พร้อมปิดทางขึ้น-ลง ทางพิเศษเฉลิมมหานครชั่วคราว

รัฐบาลเตรียมแผนถวายความสะดวกในหลวง-ราชินี เตรียมเสด็จฯ เยือนต่างประเทศ

รัฐบาลเตรียมแผนถวายความสะดวกในหลวง-ราชินี เตรียมเสด็จฯ เยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ

อากาศเย็นหลงฤดู

กรมอุตุฯ เตือนอากาศเย็นหลงฤดู 16-20 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ เตือนอากาศเย็นหลงฤดู 16-20 มี.ค.นี้ อีสานลดฮวบ 5-8 องศาฯ ภาคอื่นๆ ลดลง 2-4 องศาฯ ส่งผลให้มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลูกเห็บตก และอาจมีฟ้าผ่าบางพื้นที่

ข่าวแนะนำ

วีซ่าไทย

“ทูตรัศม์” ยันในแง่มนุษยธรรม รัฐบาลไทยตัดสินใจถูกต้องแล้ว

“ทูตรัศม์” บอกคอมเมนต์เป็นเอกฉันท์ เรื่องสิทธิมนุษยชน หลังสหรัฐฯ ออกมาตรการวีซ่ากับไทย ยืนยันในแง่มนุษยธรรม รัฐบาลไทยตัดสินใจถูกต้องแล้ว

Ciudad Juarez gets a rosy view of a rare total lunar eclipse

แห่ชมจันทรุปราคาสีเลือด

เม็กซิโกซิตี 15 มี.ค.- เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ผู้คนในหลายประเทศมีโอกาสได้รับชมปรากฎการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงที่ทำให้พระจันทร์กลายเป็นสีแดงเข้ม และเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง ลาตินอเมริกาเป็นภูมิภาคหนึ่งที่สามารถรับชมจันทรุปราคาเต็มดวงได้ในเมืองใหญ่ของหลายประเทศ  โดยที่กรุงการากัส ของเวเนซุเอลา และกรุงโบโกตาของโคลอมเบีย มีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจมาร่วมชมปรากฎการณ์นี้ที่ท้องฟ้าจำลองของทั้ง 2 ประเทศได้จัดกิจกรรมรับชมจันทรุปราคาขึ้น ส่วนที่เม็กซิโก ผู้คนสามารถรับชมได้ตั้งแต่กรุงเม็กซิโกซิตี้ขึ้นไปถึงเมืองซิวดัดฮัวเรซทางภาคเหนือ โดยภาพของดวงจันทร์เมื่อคืนที่ผ่านมาปรากฎให้เห็นเป็นสีแดงเข้ม หรือที่เรียกกันว่าพระจันทร์สีเลือด  ข้อมูลขององค์การบริหารหารบินและอวกาศแห่งชาติหรือนาซาระบุว่า จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้กินเวลาทั้งหมด 66 นาที เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคลาตินอเมริกานับจากปี 2565 นอกจากนี้ยังมีอีกหลายทวีปที่สามารถมองเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาเหนือ บางส่วนของแอฟริกา และยุโรป ออสเตรเลียและญี่ปุ่น  ขณะที่บางพื้นที่จะมองเห็นจันทรุปราคาแบบไม่เต็มดวง.-816(814).-สำนักข่าวไทย

สะพานยกระดับถล่ม

“สุริยะ” เสียใจเหตุคานสะพานก่อสร้างทรุดตัว

“สุริยะ” แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เหตุคานสะพานยกระดับทรุดตัว บริเวณด่านฯ ดาวคะนอง ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ลั่นก่อน เม.ย.68 มาตรการสมุดพกผู้รับเหมาเริ่มใช้ พบทำผิดสั่งหยุดงาน-งดร่วมทุกประมูลงาน มอบ กทพ. เร่งกู้คืนพื้นที่-ตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด