สธ. 14 ก.ย.-กระทรวงสาธารณสุข กำหนด 7 มาตรการ โรงเรียนต้องมี Sandbox Safety Zone และได้รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการโรคติดต่อก่อนเปิดเรียน
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงมาตรการ Sandbox ในโรงเรียน : Sandbox Safety Zone in school ว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มวัยเรียน วัยรุ่น 6-18 ปี ช่วงระหว่างวันที่ 1เมษายน -11 กันยายน 2564 ติดเชื้อสะสม 129,165คน ร้อยละ90 เป็นคนไทย ร้อยละ10 เป็นต่างชาติ เสียชีวิตสะสม 15คน ส่วนใหญ่มีโรคในกลุ่มเสี่ยง โดยจังหวัดที่พบสูงสุด คือกทม. ปริมณฑล และจังหวัดชายแดน สัมผัสกับผู้ป่วยและการ ค้นหาติดเชิงรุก
โดยจำนวนผู้ติดเชื้อวัยเรียน เดือนเมษายน พบ 2,426 คน พฤษภาคม พบเพิ่มขึ้น 6,432 คน มิถุนายน 6,023คน ก.ค.เพิ่มมากถึง 31,377 คน และสิงหาคม 69,628 คน แม้จะไม่เปิดเรียนออนไซต์ แต่เด็กยังติดเชื้อจากครอบครัว ส่วนครูและบุคลากรทางการศึกษา ล่าสุดถึง 5 กันยายนที่ผ่านมา ได้รับวัคซีนเข็ม1หรือ 2 แล้ว 897,423 คน ร้อยละ 88.3 ส่วนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน 118,889 คนคิดเป็นร้อยละ 11.7 ขณะนี้ สธ.ได้เริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในช่วงอายุ12-18ปีที่มีโรคประจำตัวแล้ว
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวอีกว่า ศธ.ร่วมกับกรมอนามัย นำร่องในพื้นที่โรงเรียนประจำ เตรียมสถานที่ School Isolation โซนกักกันและเซฟตี้โซน สีเขียวให้นักเรียน ครู ทำกิจกรรมได้ โรงเรียนถ้าจะเปิดเรียนออนไซต์ กำหนดให้นักเรียนทำกิจกรรมเป็นกลุ่มห้ามสัมผัสกัน ครู นักเรียน บุคลากร ต้องประเมินความเสี่ยงเสมอ ตามแอปพลิเคชันไทย เซฟ ไทย กรมอนามัย ครูต้องฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 และตรวจ ATK ประเมินความเสี่ยงเป็นระยะถ้าอยู่ในโครงการจัดออนไซต์ หรือไฮบริด โรงเรียนต้องประเมินเตรียมพร้อมก่อนเปิด และพร้อมปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ หากพบนักเรียนติด ความเข้มข้นของมาตรการขึ้นกับสถานการณ์การระบาดในพื้นที่ เพิ่มความถี่การตรวจ ATK ตามพื้นที่สีแดง และสีแดงเข้มควบคุมสูงสุด เพิ่มมาตรการให้สถานประกอบกิจการรอบรั้วโรงเรียน ในระยะ10เมตรต้อง ผ่านประเมินไทยสต๊อปโควิด พลัส ตามแนวทางโควิดฟรีเซตติ้ง เนื่องจากโรงเรียนจะมีรถเร่ร้านค้าโดยรอบ ต้องมีสกูลพาส ผลประเมินบุคคล ผลตรวจ ประวัติการรับวัคซีน หากจะเปิดเรียนต้องจัดนักเรียนต่อกลุ่มไม่เกิน 25 คนต่อขนาดห้องปกติ และตรวจATKตามความเสี่ยง
สำหรับ7 มาตรการเข้มสำหรับสถานศึกษา (โรงเรียนไป-กลับ) ที่จะเปิดเรียนจะต้องผ่านดังนี้
- สถานศึกษาประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน TSC+ และรายงานการติดตามการประเมินผลผ่าน MOECOVID
- ทำกิจกรรมร่วมกันในรูปแบบ Small Bubble สำคัญมากในกลุ่มโรงเรียนพื้นที่สีแดง แดงเข้ม
- จัดระบบการให้บริการอาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ
- จัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน ได้แก่ การระบายอากาศภายในอาคาร การทำความสะอาดคุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค และ การจัดการขยะ
- จัดให้มี School Isolation แผนเผชิญเหตุ และมีการชักซ้อมหากพบผู้ติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
- ควบคุมดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน (Seal Route) กรณีรถรับ-ส่งนักเรียน รถส่วนบุคคล และพาหนะโดยสารสาธารณะ (สำหรับโรงเรียนไป-กลับ)
- จัดให้มี School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา ซึ่งประกอบด้วยข้อมูล ผลการประเมิน TST ผลตรวจ ATK ภายใน 7 วันและหรือประวัติการรับวัคซีน ตามมาตรการของกระทวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เกิดความปลอดภัยเมื่อเข้า-ออกโรงเรียน
นพ.สุวรรณชัย ย้ำว่าโดยรวมต้องจำกัดคนเข้าออก มีชุดตรวจคัดกรองประเมินสุ่มตรวจครู บุคลากร นักเรียนทุก14 วัน ประเมินความเสี่ยงเข้มงวด ปฏิบัติตามมาตรการ สธ.อย่างเข้มงวด จัดระบบระบายอากาศได้ ซึ่งมาตรการจะ ปรับตามบริบทโรงเรียนและสถานการณ์การระบาด ในแต่ละพื้นที่ที่โรงเรียนตั้งอยู่ และที่สำคัญต้องได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อของจังหวัดหรือกรุงเทพมหานครก่อนที่จะเปิดเรียน
สำหรับชุดตรวจATK โรงพยาบาลในพื้นที่ และ สปสช.สนับสนุนในจำนวน8.5ล้านชุดเช่นเดียวกับที่แจกให้ประชาชนทั่วไป และคณะกรรมการโรงเรียน ชุมชนร่วมจัดหา เพื่อคัดกรองอย่างเข้มข้น.-สำนักข่าวไทย