พช.จัดใหญ่งาน “Virtual Tour”

กทม.-8 ก.ย.- กรมการพัฒนาชุมชน จัดใหญ่ “Virtual Tour” อลังการสุดบนโลกออนไลน์ เที่ยวชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี 9 เส้นทางมรดกวัฒนธรรมวิถีไทย


ที่ มนตรีสตูดิโอ 101 ซอยโพธิ์แก้ว 3 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ นาย สุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) เป็นประธานในพิธีการจัดงาน “เที่ยวชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีทั่วไทย” มี นายวรงค์ แสงเมือง ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่กรมการพัฒนาชุมชน เข้าร่วมงาน
การดำเนินโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี (9 เส้นทาง 9 ตำนานมรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย) กรมการพัฒนาชุมชนดำเนินการ ใน 3 กิจกรรม ดังนี้ 1) ฝึกอบรมประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างคุณค่าและพัฒนาชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เชิงสร้างสรรค์ จำนวน 1 รุ่น 76 จังหวัด 304 หมู่บ้าน/ชุมชน กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จำนวน 3 คน ต่อ 1 หมู่บ้าน/ชุมชน เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนอำเภอ จำนวน 1 คน ต่อ 1 หมู่บ้าน/ชุมชน รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,216 คน ดำเนินการเมื่อวันที่ 19 – 20 สิงหาคม 2563 ผ่านระบบออนไลน์ (Zoom Meeting) 2) จัดแสดงชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี (9 เส้นทาง 9 ตำนานมรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย) จำนวน 50 ชุมชน 3) ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี (9 เส้นทาง 9 ตำนานมรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย) จำนวน 50 ชุมชน

ภายในงานวันนี้ ประกอบด้วย การจัดแสดงชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี (9 เส้นทาง 9 ตำนานมรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย) จำนวน 50 ชุมชน ผ่านระบบออนไลน์แบบเสมือนจริง Virtual Tour บนเว็ปไซต์ www.virtualotoptour.com ระหว่างวันที่ 11 – 19 กันยายน 2564 และจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี รวมทั้งสิ้น 500 ผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย ประเภทอาหาร จำนวน 223 ผลิตภัณฑ์ ประเภทผ้า เครื่องแต่งกาย จำนวน 122 ผลิตภัณฑ์ประเภทของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก จำนวน 135 ผลิตภัณฑ์ และประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร จำนวน 20 ผลิตภัณฑ์


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กล่าวว่า ประเทศไทยเรามี Unseen มีสิ่งที่ดีงาม มีภูมิประเทศที่สวยงาม มีศิลปวัฒนธรรม อาหารพื้นถิ่น และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นเอกลักษณ์ ในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและขับเคลื่อนงานอย่างต่อเนื่อง โดยได้มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน ดำเนินการนำภูมิปัญญาของพี่น้องประชาชนมาเพิ่มมูลค่า พัฒนาผลิตภัณฑ์ เราช่วยกันสืบสาน รักษา และต่อยอด แนวพระราชปณิธานเรื่องงานศิลปาชีพ มารวมกลุ่มโอทอป ซึ่งแต่เดิมนั้นมีการจัดงาน OTOP โดยให้ผู้ประกอบการนำผลิตภัณฑ์มาจำหน่าย เห็นได้ชัดว่าการชวนคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ OTOP ได้ลงไปสัมผัสวิถีชุมชน สัมผัสอัตลักษณ์ของคนในชุมชน เป็นที่มาของ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ซึ่งปัจจุบันมี 3,680 หมู่บ้าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชนได้มีโอกาสได้ร่วมต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง นักท่องเที่ยว ได้ไปสัมผัสวิถีชุมชน สัมผัสประสบการณ์ด้านต่าง ๆ อาทิ ศิลปวัฒนธรรม อาหารพื้นถิ่น ภูมิประเทศที่สวยงาม ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชน นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสได้ลองทำอาหาร ปักเสื้อ แกะสลัก ในชุมชนจริง ๆ ที่สำคัญคือคนในชุมชนไม่ต้องเดินทางออกนอกพื้นที่ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ได้อยู่กับครอบครัว ทำให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้เรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรมของคนในพื้นที่ หลายกลุ่ม หลายอาชีพ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งในขณะนี้มีชุมชนท่องเที่ยวด่าวเด่น ร้อยละ 10 และมีชุมชนท่องเที่ยวดาวรุ่ง ร้อยละ 20 กรมการพัฒนาชุมชนเรามีภารกิจในการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคงโดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้การพัฒนาอาชีพ เป็นวิธีการที่เราเข้าไปส่งเสริมเพื่อที่จะให้เกิดการพัฒนาอาชีพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และทำให้การมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในการรวมกลุ่มสร้างงานสร้างรายได้ให้กับครอบครัวและชุมชน โดยกรมการพัฒนาชุมชนเราในส่วนของการท่องเที่ยว เพื่อเป็นการใช้ศักยภาพของชุมชน และเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ และตอบสนองต่อนักท่องเที่ยวผู้สนใจที่จะศึกษาภูมิประเทศ ศิลปวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ กรมการพัฒนาชุมชนได้รับมอบหมายจากรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ให้ดำเนินการในเรื่องของหมู่บ้าน OTOP วัตวิถี เพื่อการท่องเที่ยว หรือหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว และก็โครงการท่องเที่ยว OTOP หมู่บ้านนวัตวิถี เพื่อส่งเสริมพัฒนาหมู่บ้านของเราให้ใช้ศักยภาพ และมีความพร้อมที่จะรองรับให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้อย่างครบวงจร ทั้งเรื่องทักษะการบริหารจัดการของหมู่บ้านในด้านต่าง ๆ การจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวที่หลากหลายใช้อัตลักษณ์ของท้องถิ่นของชุมชน นำมาสร้างมูลค่าและสร้างความคุ้มค่าผ่านการท่องเที่ยวโดยชุมชน เรามีเป้าหมายที่สำคัญที่จะดำเนินการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ให้เป็นทางเลือกที่เป็นเหมือนแหล่ง เหมือนสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่เราเรียกว่าไม่ใช่เมืองหลัก แต่เป็นการเชื่อมโยงต่อยอดเมืองท่องเที่ยวที่เป็นเมืองหลัก หรือชุมชนท่องเที่ยวที่เราเรียกว่าเป็นกระแสหลัก บางทีก็เรียกว่าเป็นแอ่งใหญ่ที่สามารถดึงดูดผู้คนให้มาสัมผัสเสน่ห์ของหมู่บ้านของชุมชนที่เป็นแอ่งเล็ก รวมถึงบูรณาการและดำเนินงานในรูปแบบประชารัฐ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการชุมชนได้มีทักษะความเชี่ยวชาญในการจัดกิจกรรมโปรแกรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย การยกระดับและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการด้านการท่องเที่ยว ทำให้เกิดการกระจายรายได้ในชุมชน การหมุนเวียนทางด้านเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศได้

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวต่ออีกว่า สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้งระบบชะลอตัว จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประทศลดลงกว่าร้อยละ 90 รวมถึงแนวโน้มพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป กรมการพัฒนาชุมชน โดยสำนักงานส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน จึงเตรียมจัดงานยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกออนไลน์ ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย กับการท่องเที่ยวบนโลกเสมือนจริงแบบ “Virtual Tour” ระหว่างวันที่ 11-19 กันยายน ศกนี้ พร้อมร่วมชมแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมเก่าแก่ของประเทศไทย และลุ้นรับรางวัลใหญ่ตลอดการเข้าร่วมชมงาน

กรมการพัฒนาชุมชน ได้เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น จึงได้จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี (9 เส้นทาง 9 ตำบลมรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย) ภายใต้แนวคิด “เปิดขุมทรัพย์ 9 เส้นทาง 9 ตำนาน มรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย” ในรูปแบบของการท่องเที่ยวเสมือนจริง (Virtual Tour) ที่ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ทั้ง ชม ชิล ช้อป แชร์ รวมถึงยังได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของวิถีชุมชนทั้ง 9 เส้นทางตำนานมรดกวัฒนธรรม “อาจเรียกว่า เป็นอีกรูปแบบการท่องเที่ยวตามวิถีชีวิต New Normal ที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นในชุมชน ไปพร้อม ๆ กับการสื่อสาร สร้างการรับรู้ และสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของชุมชน OTOP นวัตวิถี ขณะเดียวกัน ยังทำให้เกิดความพร้อมของชุมชน ในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวตามชีวิตวิถีใหม่ และก่อให้เกิดการจับคู่ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ที่จะทำให้เกิดการ เกิดการจ้างงาน และการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม ตลอดจน เป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชนท่องเที่ยวดาวเด่น (Attractive : A) และชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีประเภทชุมชนท่องเที่ยวดาวรุ่ง (Brighten Star: B) จำนวน 304 หมู่บ้าน ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ที่เป็นแหล่งอารยธรรมโบราณ ให้มีความมั่นคงมากขึ้น”


สำหรับความโดดเด่นของโครงการนี้ อยู่ที่การนำเอาวัฒนธรรมทั้ง 9 อารยธรรมบนผืนแผ่นดิน มาสร้างอัตลักษณ์ให้กับการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งได้แก่ อารยธรรมบ้านเชียง, อารยธรรมทวารวดี, อารยธรรมศรีโคตรบูรณ์-ล้านช้าง, อารยธรรมลพบุรี, อารยธรรมศรีวิชัย, อารยธรรมล้านนา, อารยธรรมสุโขทัย, อารยธรรมอยุธยา, และอารยุธรรมธนบุรี-รัตนโกสินทร์ ซึ่งแต่ละอารยธรรม ต่างมีความโดดเด่นด้านวิถีชีวิต ตามภูมิภาคและ กาลเวลา รวมถึงยังปรากฏร่องรอยวัฒนธรรมและการสืบสานวัฒนธรรมมาอย่างต่อเนื่อง จนส่วนหนึ่งได้กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ที่ทรงคุณค่ากว่า 158,963 ผลิตภัณฑ์ ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวและผู้สนใจ สามารถร่วมท่องเที่ยวได้ที่ www.virtualotoptour.com ระหว่างวันที่ 11-19 กันยายน 2564 ตั้งแต่ 09.00 – 21.00 น. ซึ่งนอกจากจะได้เพลิดเพลินกับการเที่ยวชุมชนท่องเที่ยว OTOP ทั้ง 9 เส้นทางแล้ว ผู้เข้าชมยังมีสิทธิ์ลุ้นรับ “สร้อยคอทองคำ” จำนวน 3 เส้นต่อวัน และลุ้นรับรางวัลใหญ่ “ทองคำแท่งหนัก 1 บาท” อีกด้วย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

ทลายบ่อนกลางกรุง พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา

กทม. 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เอาจริง สั่งจัดระเบียบสังคมทันที หลังรับตำแหน่ง มท.1 ประเดิมงานแรก สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนพนันกลางกรุง หลังมีประชาชนร้องเรียน พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ปิดบ่อนสะพานใหม่” จับกุมบ่อนการพนันกลางกรุง โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สนธิกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนสะพานใหม่ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร […]

ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร

กองทัพบก 4 ก.ค.-ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร หลังลาดตระเวนพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปทหารพรานของไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ที่กำลังพยายามรุกลํ้าเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนครบมือนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีว่า ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 2304 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ทำการลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณจุดชมวิวภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดน ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล และเขาพระวิหาร และบริเวณเส้นทางลาดตระเวนใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าทักทายเจรจากัน และแยกย้ายกันไป ไม่มีเหตุความรุนแรงใด พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายจุดพบกำลังทหารกัมพูชามาลาดตระเวนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น และบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชาร่วมลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมาพบเจอกับฝ่ายทหารไทยก็จะมีพูดทักทายกัน และบางครั้งก็อาจจะมีแสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเหมือนถกเถียงกันบ้าง แต่ทั้งหมดไม่ถึงขั้นตั้งใจจะใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างระมัดระวังไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง และต้องยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางผู้บังคับบัญชา.-313.-สำนักข่าวไทย

นักธรณีวิทยา​ย้ำไม่มีสัญญาณ​สึนามิ​เข้าไทย​ ไม่ต้องตระหนก

กรุงเทพฯ​ 4 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา ย้ำขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณทางวิทยาศาสตร์​บ่งชี้ว่า​จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าสู่ประเทศไทย​ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แนะติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วง​ 1-2​ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณใกล้หมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา เป็นการเลื่อนตัวในแนวราบ ไม่ใช่แนวดิ่ง จึงไม่เข้าลักษณะที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้ ขณะเดียวกัน จากการติดตามข้อมูลยังไม่พบสัญญาณทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า​ จะมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเกิดคลื่นสึนามิ ศ.ดร.สันติ กล่าว​ว่า​ ก่อนหน้านี้​เรารู้​จักแนวมุดตัวของเปลือก​โลก​บริเวณ​หมู่เกาะ​นิโคบาร์​-สุมาตรา ที่หากมีการเคลื่อนตัวจะมีโอกาส​เกิดสึนามิ​ แต่ล่าสุด​พบ​ว่า​ มีแนวภูเขาไฟ​ใต้น้ำ​บริเวณ​หมู่เกาะ​สุมาตรา​ที่​ไม่เคยปะทุมาก่อนและบอกไม่ได้​ว่าจะปะทุ​เมื่อ​ใด ซึ่งนักธรณีวิทยา​และหน่วยงาน​ด้านภัยพิบัติ​จะต้องติดตาม​อย่างต่อเนื่อง​ต่อไป​ ทั้งนี้ แม้ในอดีตจะเคยเกิดสึนามิจากรอยเลื่อนสุมาตราที่เกิดการมุดตัวของเปลือกโลก​ แต่ย้ำว่า​ เหตุการณ์ปัจจุบันไม่มีตัวชี้วัดในลักษณะเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนอย่ากังวลเกินควร อย่างไรก็ตาม การตื่นรู้ต่อภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น แอปพลิเคชันกรมอุตุนิยมวิทยา การติดตามข้อมูลจากภาครัฐ และระบบแจ้งเตือนภัยในท้องถิ่นเช่น Cell Broadcast​ ที่​ภาครัฐ​เร่งดำเนินการ​สำหรับ​แจ้ง​เตือน​ภัยพิบัติ​ต่าง​ ๆ ให้​ครอบคลุม​ทั่วประเทศ​ ทั้งนี้ ​การเตรียมความพร้อมคือเรื่องสำคัญ รัฐเองก็พยายามส่งสัญญาณให้ถึงประชาชนโดยเร็ว […]

“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม

ก.วัฒนธรรม 4 ก.ค.-“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม แจงข่าวปลอมไทยคืนวัตถุโบราณ 20 รายการ ให้กัมพูชาไม่จริง ชี้ทำตั้งแต่ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมสั่งเบรกจัดสรรงบฯ คืนวัตถุโบราณกัมพูชา จ่อแจ้งความคนปล่อยเฟกนิวส์ ปลุกปั่น “กลุ่มปราสาทตาเมือน” ยันอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยไทย ช่วงบ่ายวันนี้ (4 ก.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก มีข้อที่อยากจะฝากเอาไว้ และอยากจะให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงอยากจะอัปเดตข้อมูลให้ฟัง ซึ่งวันนี้ตนได้ทำการบ้านมาเล็กน้อย และรู้สึกดีใจที่จะได้ฟังจากทุกคนว่า แต่ละหน่วยงานแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงฯ มีอะไรที่อยากให้ดำเนินการเพิ่มเติมบ้าง ประเด็นแรก อยากจะขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอม เรื่องการส่งคืนวัตถุโบราณ จำนวน 20 รายการ ให้กับประเทศกัมพูชา ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการคืนวัตถุโบราณให้กับประเทศกัมพูชา มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งประเทศไทยได้คืนไปแล้ว […]