พช.จัดใหญ่งาน “Virtual Tour”

กทม.-8 ก.ย.- กรมการพัฒนาชุมชน จัดใหญ่ “Virtual Tour” อลังการสุดบนโลกออนไลน์ เที่ยวชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี 9 เส้นทางมรดกวัฒนธรรมวิถีไทย


ที่ มนตรีสตูดิโอ 101 ซอยโพธิ์แก้ว 3 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ นาย สุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) เป็นประธานในพิธีการจัดงาน “เที่ยวชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีทั่วไทย” มี นายวรงค์ แสงเมือง ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่กรมการพัฒนาชุมชน เข้าร่วมงาน
การดำเนินโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี (9 เส้นทาง 9 ตำนานมรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย) กรมการพัฒนาชุมชนดำเนินการ ใน 3 กิจกรรม ดังนี้ 1) ฝึกอบรมประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างคุณค่าและพัฒนาชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เชิงสร้างสรรค์ จำนวน 1 รุ่น 76 จังหวัด 304 หมู่บ้าน/ชุมชน กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จำนวน 3 คน ต่อ 1 หมู่บ้าน/ชุมชน เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนอำเภอ จำนวน 1 คน ต่อ 1 หมู่บ้าน/ชุมชน รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,216 คน ดำเนินการเมื่อวันที่ 19 – 20 สิงหาคม 2563 ผ่านระบบออนไลน์ (Zoom Meeting) 2) จัดแสดงชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี (9 เส้นทาง 9 ตำนานมรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย) จำนวน 50 ชุมชน 3) ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี (9 เส้นทาง 9 ตำนานมรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย) จำนวน 50 ชุมชน

ภายในงานวันนี้ ประกอบด้วย การจัดแสดงชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี (9 เส้นทาง 9 ตำนานมรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย) จำนวน 50 ชุมชน ผ่านระบบออนไลน์แบบเสมือนจริง Virtual Tour บนเว็ปไซต์ www.virtualotoptour.com ระหว่างวันที่ 11 – 19 กันยายน 2564 และจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี รวมทั้งสิ้น 500 ผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย ประเภทอาหาร จำนวน 223 ผลิตภัณฑ์ ประเภทผ้า เครื่องแต่งกาย จำนวน 122 ผลิตภัณฑ์ประเภทของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก จำนวน 135 ผลิตภัณฑ์ และประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร จำนวน 20 ผลิตภัณฑ์


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กล่าวว่า ประเทศไทยเรามี Unseen มีสิ่งที่ดีงาม มีภูมิประเทศที่สวยงาม มีศิลปวัฒนธรรม อาหารพื้นถิ่น และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นเอกลักษณ์ ในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและขับเคลื่อนงานอย่างต่อเนื่อง โดยได้มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน ดำเนินการนำภูมิปัญญาของพี่น้องประชาชนมาเพิ่มมูลค่า พัฒนาผลิตภัณฑ์ เราช่วยกันสืบสาน รักษา และต่อยอด แนวพระราชปณิธานเรื่องงานศิลปาชีพ มารวมกลุ่มโอทอป ซึ่งแต่เดิมนั้นมีการจัดงาน OTOP โดยให้ผู้ประกอบการนำผลิตภัณฑ์มาจำหน่าย เห็นได้ชัดว่าการชวนคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ OTOP ได้ลงไปสัมผัสวิถีชุมชน สัมผัสอัตลักษณ์ของคนในชุมชน เป็นที่มาของ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ซึ่งปัจจุบันมี 3,680 หมู่บ้าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชนได้มีโอกาสได้ร่วมต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง นักท่องเที่ยว ได้ไปสัมผัสวิถีชุมชน สัมผัสประสบการณ์ด้านต่าง ๆ อาทิ ศิลปวัฒนธรรม อาหารพื้นถิ่น ภูมิประเทศที่สวยงาม ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชน นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสได้ลองทำอาหาร ปักเสื้อ แกะสลัก ในชุมชนจริง ๆ ที่สำคัญคือคนในชุมชนไม่ต้องเดินทางออกนอกพื้นที่ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ได้อยู่กับครอบครัว ทำให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้เรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรมของคนในพื้นที่ หลายกลุ่ม หลายอาชีพ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งในขณะนี้มีชุมชนท่องเที่ยวด่าวเด่น ร้อยละ 10 และมีชุมชนท่องเที่ยวดาวรุ่ง ร้อยละ 20 กรมการพัฒนาชุมชนเรามีภารกิจในการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคงโดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้การพัฒนาอาชีพ เป็นวิธีการที่เราเข้าไปส่งเสริมเพื่อที่จะให้เกิดการพัฒนาอาชีพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และทำให้การมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในการรวมกลุ่มสร้างงานสร้างรายได้ให้กับครอบครัวและชุมชน โดยกรมการพัฒนาชุมชนเราในส่วนของการท่องเที่ยว เพื่อเป็นการใช้ศักยภาพของชุมชน และเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ และตอบสนองต่อนักท่องเที่ยวผู้สนใจที่จะศึกษาภูมิประเทศ ศิลปวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ กรมการพัฒนาชุมชนได้รับมอบหมายจากรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ให้ดำเนินการในเรื่องของหมู่บ้าน OTOP วัตวิถี เพื่อการท่องเที่ยว หรือหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว และก็โครงการท่องเที่ยว OTOP หมู่บ้านนวัตวิถี เพื่อส่งเสริมพัฒนาหมู่บ้านของเราให้ใช้ศักยภาพ และมีความพร้อมที่จะรองรับให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้อย่างครบวงจร ทั้งเรื่องทักษะการบริหารจัดการของหมู่บ้านในด้านต่าง ๆ การจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวที่หลากหลายใช้อัตลักษณ์ของท้องถิ่นของชุมชน นำมาสร้างมูลค่าและสร้างความคุ้มค่าผ่านการท่องเที่ยวโดยชุมชน เรามีเป้าหมายที่สำคัญที่จะดำเนินการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ให้เป็นทางเลือกที่เป็นเหมือนแหล่ง เหมือนสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่เราเรียกว่าไม่ใช่เมืองหลัก แต่เป็นการเชื่อมโยงต่อยอดเมืองท่องเที่ยวที่เป็นเมืองหลัก หรือชุมชนท่องเที่ยวที่เราเรียกว่าเป็นกระแสหลัก บางทีก็เรียกว่าเป็นแอ่งใหญ่ที่สามารถดึงดูดผู้คนให้มาสัมผัสเสน่ห์ของหมู่บ้านของชุมชนที่เป็นแอ่งเล็ก รวมถึงบูรณาการและดำเนินงานในรูปแบบประชารัฐ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการชุมชนได้มีทักษะความเชี่ยวชาญในการจัดกิจกรรมโปรแกรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย การยกระดับและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการด้านการท่องเที่ยว ทำให้เกิดการกระจายรายได้ในชุมชน การหมุนเวียนทางด้านเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศได้

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวต่ออีกว่า สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้งระบบชะลอตัว จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประทศลดลงกว่าร้อยละ 90 รวมถึงแนวโน้มพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป กรมการพัฒนาชุมชน โดยสำนักงานส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน จึงเตรียมจัดงานยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกออนไลน์ ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย กับการท่องเที่ยวบนโลกเสมือนจริงแบบ “Virtual Tour” ระหว่างวันที่ 11-19 กันยายน ศกนี้ พร้อมร่วมชมแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมเก่าแก่ของประเทศไทย และลุ้นรับรางวัลใหญ่ตลอดการเข้าร่วมชมงาน

กรมการพัฒนาชุมชน ได้เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น จึงได้จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี (9 เส้นทาง 9 ตำบลมรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย) ภายใต้แนวคิด “เปิดขุมทรัพย์ 9 เส้นทาง 9 ตำนาน มรดกวัฒนธรรมท่องเที่ยววิถีไทย” ในรูปแบบของการท่องเที่ยวเสมือนจริง (Virtual Tour) ที่ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ทั้ง ชม ชิล ช้อป แชร์ รวมถึงยังได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของวิถีชุมชนทั้ง 9 เส้นทางตำนานมรดกวัฒนธรรม “อาจเรียกว่า เป็นอีกรูปแบบการท่องเที่ยวตามวิถีชีวิต New Normal ที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นในชุมชน ไปพร้อม ๆ กับการสื่อสาร สร้างการรับรู้ และสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของชุมชน OTOP นวัตวิถี ขณะเดียวกัน ยังทำให้เกิดความพร้อมของชุมชน ในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวตามชีวิตวิถีใหม่ และก่อให้เกิดการจับคู่ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ที่จะทำให้เกิดการ เกิดการจ้างงาน และการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม ตลอดจน เป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชนท่องเที่ยวดาวเด่น (Attractive : A) และชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีประเภทชุมชนท่องเที่ยวดาวรุ่ง (Brighten Star: B) จำนวน 304 หมู่บ้าน ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ที่เป็นแหล่งอารยธรรมโบราณ ให้มีความมั่นคงมากขึ้น”


สำหรับความโดดเด่นของโครงการนี้ อยู่ที่การนำเอาวัฒนธรรมทั้ง 9 อารยธรรมบนผืนแผ่นดิน มาสร้างอัตลักษณ์ให้กับการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งได้แก่ อารยธรรมบ้านเชียง, อารยธรรมทวารวดี, อารยธรรมศรีโคตรบูรณ์-ล้านช้าง, อารยธรรมลพบุรี, อารยธรรมศรีวิชัย, อารยธรรมล้านนา, อารยธรรมสุโขทัย, อารยธรรมอยุธยา, และอารยุธรรมธนบุรี-รัตนโกสินทร์ ซึ่งแต่ละอารยธรรม ต่างมีความโดดเด่นด้านวิถีชีวิต ตามภูมิภาคและ กาลเวลา รวมถึงยังปรากฏร่องรอยวัฒนธรรมและการสืบสานวัฒนธรรมมาอย่างต่อเนื่อง จนส่วนหนึ่งได้กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ที่ทรงคุณค่ากว่า 158,963 ผลิตภัณฑ์ ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวและผู้สนใจ สามารถร่วมท่องเที่ยวได้ที่ www.virtualotoptour.com ระหว่างวันที่ 11-19 กันยายน 2564 ตั้งแต่ 09.00 – 21.00 น. ซึ่งนอกจากจะได้เพลิดเพลินกับการเที่ยวชุมชนท่องเที่ยว OTOP ทั้ง 9 เส้นทางแล้ว ผู้เข้าชมยังมีสิทธิ์ลุ้นรับ “สร้อยคอทองคำ” จำนวน 3 เส้นต่อวัน และลุ้นรับรางวัลใหญ่ “ทองคำแท่งหนัก 1 บาท” อีกด้วย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.แจงปม “ปราสาทตาควาย” ยึดไม่ได้ 100% เจอสนามทุ่นระเบิด BM-21 จ่อยิง

31 ก.ค.- ทบ.แจงปมทหารไทยยึด “ปราสาทตาควาย” ไม่ได้ 100% ไม่ใช่ตัวชี้วัดแพ้ชนะ แต่ได้พื้นที่มากกว่าก่อนปะทะ ลั่นยึดเนิน 350 จุดสูงข่มไม่ได้ เจอสนามทุ่นระเบิด BM-21 จ่อยิงหากเคลื่อนกำลังไปตัวปราสาทฯ ชี้ทีมโฆษก ทบ. ไม่ได้รับการประสานจากรัฐบาลก่อนเจรจาหยุดยิงถึงสถานการณ์หน้างาน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่การปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดมีเพียงปราสาทตาควายที่เดียว มีข้อจำกัด หากจะพูดถึงการควบคุมพื้นที่เราสามารถควบคุมได้ตามแผน ตามเป้าหมายทางการทหารที่ได้วางไว้ โดยพื้นที่ประสาทตาควาย ถือเป็นความพยายามสุดท้ายของทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาก่อนถึงเวลาหยุดยิง ยอมรับว่า ปัจจุบันเราไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้ 100% เพียงแต่เราได้พื้นที่ควบคุมเพิ่มมากขึ้นก่อนที่จะมีการปะทะ ซึ่งจะเห็นว่าปัจจุบันเราควบคุมพื้นที่ได้ด้วยการใช้อาวุธยิง ซึ่งลักษณะการวางกำลังบริเวณปราสาทตาควายจะอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่ที่เป็นจุดสำคัญทางการทหารไม่ใช่ตัวประสาทตาควาย เพราะเป็นพื้นที่ต่ำ แต่เดิมหากเราวางกำลังประจำอยู่ที่ปราสาทตาควาย จะเป็นความไม่ปลอดภัยในเรื่องของการใช้อาวุธจากฝ่ายตรงข้าม เราจึงให้ความสำคัญกับเรื่องของการคุมพื้นที่ สำหรับห้วงสุดท้ายสำหรับการใช้กำลัง เราพยายามกระทำต่อเป้าหมายจุดสูงข่ม คือ เนิน 350 ซึ่งอาจจะมองว่า อยู่ในฝั่งของประเทศเพื่อนบ้าน แต่เป็นจุดสำคัญที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติทางทหาร จึงเป็นความสำคัญสูงสุดที่เราจะต้องยึดที่หมายนี้ให้ได้ แต่เวลามีให้เราไม่เพียงพอ ซึ่งอย่างน้อยเราก็สามารถควบคุมพื้นที่ส่วนรวมด้วยอาวุธ ทั้งนี้ เนิน 350 เป็นพื้นที่วางกำลังของทหารกัมพูชา ซึ่งเขาใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาที่ปราสาทตาควาย ทำให้เราไม่สามารถวางกำลังประจำภายในปราสาทตาควายได้ […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ทอ.โต้กัมพูชาอ้างขุดพบ MK-84 ชี้ระเบิดเก่าขึ้นสนิม ยันไม่ใช่ของไทย

31 ก.ค.- โฆษกกองทัพอากาศ ยันระเบิดที่ถูกขุดพบจากกัมพูชา ไม่ใช่ของกองทัพอากาศที่ปฏิบัติกับฐานที่มั่นทางทหารของกัมพูชา ตั้งข้อสังเกตเก่า เหมือนถูกขุดจากใต้ที่พักอาศัย จากกรณีที่พบระเบิด MK-84 ที่กัมพูชาขุดขึ้น ตามที่เฟซบุ๊กของนายแฮง รัตนา เอาภาพมาลงนั้น พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ระบุกว่า ได้มีข้อสังเกตว่า ระเบิดดังกล่าวอยู่ในสภาพเก่าและมีลักษณะคล้ายถูกขุดขึ้นมาจากใต้ที่พักอาศัยของประชาชน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากปฏิบัติการทางอากาศในช่วงที่ผ่านมา ดูจากสภาพที่ขึ้นสนิมไม่ใช่ของกองทัพอากาศไทย เนื่องจากลูกระเบิดที่กองทัพอากาศใช้มีสภาพใหม่และสมบูรณ์ ไม่เป็นสนิมขนาดนั้น ดูจากเส้นรอบวงโดยประมาณและความยาวคาดว่าเป็นลูกระเบิดอากาศขนาด 2000 ปอนด์ แบบตะวันตกที่มีใช้ทั่วไปสภาพความลึก และวางขนานกับพื้น ไม่เหมือนทิ้งจากเครื่องบิน .-313 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ปัดตอบเสียปราสาทตาควาย ไม่เชื่อลมปากตระกูลฮุน

กระทรวงมหาดไทย 31 ก.ค.- “ภูมิธรรม” เสียใจผู้อพยพจบชีวิตเหตุเครียดอยากกลับบ้าน ขอประเมินให้ปลอดภัยก่อน บอกไทยประสบความสำเร็จยึดดินแดนได้ ปัดตอบเสียปราสาทตาควาย ไม่เชื่อลมปาก 2 พ่อลูกตระกูลฮุน ชี้ ทหารกัมพูชา 18 นาย รุกล้ำเข้าไทยหลังประกาศหยุดยิง เตรียมส่งตัวคืน แต่อีกฝ่ายปล่อยเฟกนิวส์ จึงต้องคุมตัวสอบก่อน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพสามารถเดินทางกลับบ้านได้แล้วหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้พบว่ามีประชาชนฆ่าตัวตาย เพราะเครียดต่อสถานการณ์และอยากกลับบ้าน ว่าตนขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต พร้อมยอมรับว่าเป็นความห่วงใยของรัฐบาล แม้ว่าจะอยากให้เดินทางกลับบ้านพักเลยแต่สถานการณ์ยังไม่มั่นใจ 100 % เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่กัมพูชาพูดสามารถเชื่อได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามักบิดเบือนจากข้อเท็จจริง ซึ่งต้องรอการประเมินอีกครั้งหนึ่งก่อนว่าหากไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็สามารถเดินทางกลับบ้านพักได้ ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าการที่กัมพูชาพาผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงพื้นที่ เป็นเพราะเขาเป็นผู้ก่อเหตุจึงมั่นใจว่าเราจะไม่ทำอะไร และเราเองก็เป็นฝ่ายถูกกระทำ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่มั่นใจว่ากัมพูชาจะกระทำอย่างไร ส่วนไทยจะใช้มาตรการเชิงรุกทั้งด้านการทูตและด้านพื้นที่อย่างไร นายภูมิธรรม ระบุว่า ขณะนี้เราไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา การดำเนินการต่างๆเราก็คุยกับนานาชาติอยู่เสมอ แต่ข้อสำคัญอยู่ที่หลักฐานเพราะเขาพูดไปได้เรื่อยๆ แต่เราพูดมีหลักฐานรองรับ ขณะที่ข้อเท็จจริงเรื่องปราสาทตาควายที่มีการพูดกันว่าทางกัมพูชาเข้าครอบครองตัวปราสาท แต่เราได้ครอบครองเพียงพื้นที่โดยรอบ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากพูดถึงในแง่การยุทธ์ การยึดคืนในพื้นที่ต่างๆ ถือว่าเราประสบความสำเร็จ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แล้วพื้นที่ตัวปราสาทเป็นเช่นไร […]