fbpx

สบส.ระดมทีม อสม.ติดตามการฉีดวัคซีนกลุ่ม608

กรมสบส.3 ก.ย.-กรม สบส.ประสาน อสม.ระดมทีมสำรวจ ติดตามการฉีดวัคซีนกลุ่ม 608 ผ่านกลไกทำงาน 3 หมอ ตั้งเป้า “ลดป่วยรุนแรง ลดตาย รักษาหายเร็ว” ในประชาชนกลุ่มเปราะบางทั่วไทย


นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า การระบาดของเชื้อโรคโคโรนาไวรัส 2019 หรือโรคโควิด 19 ในประเทศไทยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านๆมา ด้วยการที่เชื้อโรคโควิด 19 มีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมและกลายพันธุ์จนเกิดเป็นสายพันธุ์อัลฟา (Alpha) และเดลตา (Delta) ซึ่งเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่นี้ มีการแพร่ระบาดง่าย และก่อให้เกิดอาการรุนแรง โดยเฉพาะในประชาชนกลุ่มเปราะบาง อาทิ คนชรา ผู้ที่มีโรคประจำตัว สตรีมีครรภ์ ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 การที่ประเทศไทยจะก้าวพ้นวิกฤติการระบาดของโรคติดต่ออันตรายไปได้นั้นนอกจากจะต้องมีการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคอย่างเหมาะสมแล้ว การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วย “ลดป่วยรุนแรง ลดตาย รักษาหายเร็ว”

ดังนั้น กรม สบส.จึงประสานขอความร่วมมือจาก อสม. ทีมนักรบเสื้อเทา ร่วมสำรวจ ติดตาม การฉีดวัคซีนของกลุ่ม 608 ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางและเข้าถึงสถานพยาบาลได้ยาก ประกอบด้วย กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป / ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง / หญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ให้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 จำนวน 2.9 ล้านคน ตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยอาศัยกลไก 3 หมอ ซึ่ง อสม.ในบทบาทของหมอคนที่ 1 ที่มีความใกล้ชิดกับชุมชนมีบทบาทในการเฝ้าระวัง ติดตามกลุ่มเสี่ยงสังเกตอาการ อำนวยความสะดวกในการรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 รวมทั้ง ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่จำเป็นร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งเป็นหมอคนที่ 2 และประสานกับหมอคนที่ 3 คือ หมอครอบครัวที่โรงพยาบาลให้บริการฉีดวัคซีน และติดตามอาการไม่พึงประสงค์แก่กลุ่มเป้าหมาย


ซึ่งตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2564 อสม.ได้ดำเนินการเผยแพร่ความรู้ และสนับสนุนกลุ่ม 608 ให้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ประมาณร้อยละ 30 ของกลุ่มเป้ามหาย แบ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ จำนวน 621,754 ราย กลุ่มผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค จำนวน 261,454 ราย และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ จำนวน 3,593 ราย (ข้อมูลจาก www.thaiphc.net วันที่ 3 กันยายน 2564) และเมื่อดำเนินการฉีดวัคซีนในกลุ่ม 608 ครบถ้วนแล้วลำดับถัดไป อสม.ก็จะดำเนินการติดตาม สำรวจ ประชาชนในกลุ่มอายุ 18 – 59 ปี ให้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ต่อไป

นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรม สบส.กล่าวต่อว่า ในการส่งเสริมให้การเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคโควิด 19 นอกจากวัสดุ อุปกรณ์ หรือกำลังคน องค์ความรู้ในการปฏิบัติงานก็ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญซึ่งช่วยให้การดำเนินงานเกิดผลสำเร็จ ซึ่งกรม สบส.ก็ได้ให้การสนับสนุนชุดความรู้ผ่านเครือข่าย อสม.อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดก็มีการจัดทำชุดความรู้แนวคิด Universal Prevention ป้องกันการติดเชื้อโควิดแบบครอบจักรวาล ส่งต่อให้ อสม.นำไปใช้ให้เกิดความ “พร้อม” ในการปฏิบัติงานทั้งในด้านการดูแลตนเอง เกิดการตั้งสติคิดว่าทุกคนคือผู้ติดเชื้อ เพิ่มความระมัดระวังขณะปฏิบัติงานหรือใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง และความพร้อมในฐานะหมอคนที่ 1 ซึ่งต้องดูแลผู้ป่วยที่แยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) หรือชุมชน (Community Isolation) มีการเตรียมความพร้อมของตัวเองทั้งร่างกาย จิตใจ องค์ความรู้เรื่องโควิด 19 และวัสดุอุปกรณ์ ซึ่ง อสม.จะมีการนำแนวคิดในการป้องกันการติดเชื้อโควิดแบบครอบจักรวาลไปรณรงค์ให้ครอบครัว และประชาชนในพื้นที่ได้ปฏิบัติตามด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กต่าย” ยันทำตามหน้าที่ ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง “บิ๊กโจ๊ก”

“บิ๊กต่าย” แถลงข่าวการจับยาเสพติด ยันไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง “บิ๊กโจ๊ก” ย้ำทำตามหน้าที่รักษาการฯ ไม่มีเวลาเอาสมองไปคิดเรื่องปลดป้ายชื่อ

ระทึกถังสารแอมโมเนียโรงน้ำแข็งระเบิดอีก

วิ่งหนีอลหม่าน! ถังสารแอมโมเนียโรงน้ำแข็งระเบิด ย่านตลาดสดเทศบาลนางัว อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี คาดสาเหตุจากอากาศร้อนจัด

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อนจัด-กลางวันฟ้าหลัว

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวตอนกลางวัน แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนอง 10%

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว