ผลโพลพบคน กทม. ปริมณฑล 67.3% รับวัคซีนแล้ว

กทม. 21 ส.ค.-กรมควบคุมโรค เผยผลโพลประชาชนใน กทม. ปริมณฑล พบ 67.3% ได้รับวัคซีน ผู้สูงอายุได้รับวัคซีนแล้ว 88.8% เร่งปรับแผนเน้นฉีดวัคซีนเชิงรุกชุมชนแออัดใน กทม.

วันนี้ (21 สิงหาคม 2564) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนผ่านดีดีซีโพล (DDC Poll) เรื่อง วัคซีนโควิด 19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนได้รับวัคซีนอย่างเพียงพอและครอบคลุม โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่กรุงเทพฯ ลงไปเก็บข้อมูลหลักๆ ที่ชุมชนแออัด ส่วนปริมณฑลเน้นกลุ่มพนักงานบริษัทและรับจ้างทั่วไป จำนวน 1,500 คน ช่วงอายุตั้งแต่ 12-60 ปีขึ้นไป พบว่า 67.3% ได้รับวัคซีนแล้ว โดยกรุงเทพฯ ได้รับวัคซีน 59.6% นนทบุรีได้รับวัคซีน 78.7% ปทุมธานีได้รับวัคซีน 73.1% นครปฐมได้รับวัคซีน 84.2% สมุทรปราการได้รับวัคซีน 69.4% และสมุทรสาครได้รับวัคซีน 76.5% ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เร่งรัดในการฉีดวัคซีน เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีการระบาดโควิด 19 ค่อนข้างสูง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) 64.5% วัคซีนโควิดซิโนแวค (Sinovac) 26.3% วัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) 6% และวัคซีนซิโนฟาร์ม (Sinopharm) 3.2%


“จุดหนึ่งที่คิดว่าจะมีการรณรงค์ในการฉีดวัคซีนต่อไป โดยเฉพาะกรุงเทพฯ คือ ชุมชนแออัด วิธีการฉีดวัคซีนอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยน กรุงเทพฯ อาจต้องใช้เชิงรุกลงพื้นที่ชุมชนแออัดให้มากขึ้น”

สำหรับเหตุผลในการเข้ารับวัคซีน กลุ่มผู้ตอบ 85.5% ไปฉีดวัคซีนเพราะ 1.ป้องกันการติดเชื้อ 2.เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง 3.ลดความรุนแรงหากติดเชื้อ 4.อยู่ในชุมชนแออัดเจอคนหมู่มาก ส่วนเหตุผลของการไม่ไปฉีดวัคซีนเพราะ 1.ยังไม่เชื่อมั่นในวัคซีน 2.อายุยังไม่ถึง 3.ไม่ได้ออกไปไหน และ 4.ไม่อยากฉีด


จากการสอบถามว่า ท่านมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในบ้านของท่านหรือไม่ พบว่า 73.7% มีผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน โดยกรุงเทพฯ ผู้สูงอายุที่อยู่ในบ้านได้ฉีดวัคซีนแล้ว 71.7% ส่วนปริมณฑลผู้สูงอายุที่อยู่ในบ้านได้ฉีดวัคซีนแล้ว 99.1% จากภาพรวมจะเห็นได้ว่า ผู้สูงอายุได้รับวัคซีนแล้ว 88.8%

นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัญหาและความเครียดของประชาชน พบว่า เครียดจากปัญหาด้านเศรษฐกิจ/รายได้ 41.2% ปัญหาความกังวลว่าจะไม่ได้รับวัคซีน 20.5% กลัวติดเชื้อโควิด 19 20.1% และปัญหาด้านการศึกษา 18.1% ด้านประสิทธิภาพของวัคซีน ผู้ตอบแบบสำรวจ เชื่อว่าการได้รับวัคซีนจะลดความรุนแรงของโรคได้ 66.9% ซึ่งเปรียบเทียบกับผลสำรวจในรอบที่ผ่านมา มีเพียง 23.9% ที่เชื่อว่าวัคซีนลดความรุนแรงของโรคได้

ส่วนความกังวลถึงอาการไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีน พบเพียง 27.5% ซึ่งผลการสำรวจที่ผ่านมา มีความกังวลมากถึง 83.4% สอดคล้องกับข้อมูลที่มีว่า ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งหมด 26 ล้านโดส ยังไม่มีรายใดเลยที่มีการเสียชีวิตจากวัคซีนที่ผ่านการพิสูจน์ข้อมูลจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ


อย่างไรก็ตาม จากผลดีดีซีโพล ทำให้ผู้สูงอายุที่อาศัยในชุมชนแออัดของ กทม. จะได้ประโยชน์จากการลงพื้นที่ของ CCRT (Comprehensive Covid-19 Response Team) ซึ่งเป็นทีมบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่จะให้ความรู้การดูแลรักษาทางกายและใจ ทั้งยังตรวจคัดกรอง ฉีดวัคซีนให้กลุ่มสูงวัยในชุมชนที่ยังไม่สามารถออกมารับบริการได้ รวมถึงให้คำปรึกษาผ่านเทเลเมดิซีน จ่ายยารักษา และหากมีอาการมากขึ้นจะประสานเข้าระบบการรักษาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย