กรมการแพทย์ยันระบบดูแลผู้ติดเชื้อโควิดที่บ้านพร้อมรองรับผู้ติดเชื้อ

กทม. 19 ส.ค.-กรมการแพทย์ไม่หวั่นใช้ชุดตรวจ ATK แล้วจะเจอผู้ติดเชื้อโควิดจำนวนมากจนระบบ Home Isolation, Community Isolation รับมือไม่ไหว ชี้ระบบบริการสามารถเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้ป่วยจำนวนมากๆ ได้ ในทางกลับกันยิ่งตรวจเจอเร็วก็แยกแยกตัวผู้ติดเชื้อได้เร็ว ควบคุมโรคดีขึ้น พร้อมเตรียมดึง HA เข้ามาร่วมประเมินคุณภาพหน่วยบริการที่ดูแลผู้ป่วยแบบ Home Isolation เพื่อการันตีคุณภาพการดูแลรักษา

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวในการเสวนาออนไลน์ “Home Isolation ทางรอดวิถีใหม่ ทำอย่างไรให้รอดจริง” เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2564 ที่ผ่านมาว่า ในช่วงนี้ก็มีนโยบายการใช้ชุดตรวจ Antigen test kit หรือ ATK เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถแยกตัวผู้ติดเชื้อออกจากคนที่ไม่ติดเชื้อได้เร็ว อย่างไรก็ดี ก็มีบางส่วนที่กังวลว่าหากใช้ ATK ตรวจแล้วเจอผู้ติดเชื้อจำนวนมากๆ ระบบการดูแลแบบ Home Isolation, Community Isolation จะรองรับได้ไหวหรือไม่ ประเด็นนี้ยืนยันว่าทางกรมการแพทย์และฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สามารถเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้ป่วยจำนวนมากๆได้ เช่น การใช้บุคลากรจากโรงพยาบาลต่างจังหวัดมาช่วยทำ Telemedicine ติดตามอาการผู้ป่วยได้ โดยให้ส่วนกลางจัดการเรื่องการจัดส่งอุปกรณ์และยาต่างๆให้ หรือทาง กทม.เอง ก็มีการจัดตั้ง Community Isolation ประมาณ 60 แห่งและเท่าที่ติดตามสถานการณ์พบว่ายังมีเตียงว่างอยู่ หรือในส่วนของการรองรับผู้ป่วยสีเหลือง ทางกรมการแพทย์คาดว่าจะสามารถเพิ่มเตียงสนามหรือ Hospitel ได้อีก 2,000-3,000 เตียง ภายในสิ้นเดือนนี้ ดังนั้นจึงไม่ห่วงว่าการตรวจ ATK แล้วเจอผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ในทางกลับกัน การตรวจด้วย ATK จะช่วยแยกคนไข้ได้เร็วและควบคุมโรคได้ดีขึ้น


นพ.สมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า โดยหลักการเมื่อตรวจ ATK แล้วผลเป็นบวก กระบวนการต่อไปคือการเข้าสู่ระบบการดูแลแบบ Home Isolation, Community Isolation โดยทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะสนับสนุนอาหาร 3 มื้อ เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด ยา และมีแพทย์ติดตามอาการผ่านระบบการดูแลผู้ป่วยทางไกล ซึ่งปัจจุบันมีคนไข้ที่เข้าระบบการดูแลแบบ Home Isolation, Community Isolation แล้วประมาณ 7-8 หมื่นคน และพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรอเตียงที่เคยสูงถึงหลักหมื่น ปัจจุบันลดจำนวนลงเรื่อยๆ หรือตัวเลขระยะเวลาการรอเตียงของผู้ป่วยสีเหลือง-แดง ที่มากกว่า 1 วัน ก็ลดลงกว่า 50% ข้อมูลเหล่านี้คือสิ่งที่สะท้อนว่ากระบวนการ Home Isolation สามารถเข้ามาแบ่งเบาภาระเตียงในโรงพยาบาลได้อย่างดี

นอกจากนี้ กรมการแพทย์พยายามเน้นย้ำกับหน่วยบริการในเรื่องคุณภาพการดูแลในระบบ Home Isolation เพราะที่ผ่านมายอมรับว่าหลังจากจับคู่ผู้ป่วยเข้า Home Isolation แล้วต้องส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาหาร ยา ไปให้ผู้ป่วย เพราะพอลงไปถึงระดับปฏิบัติในพื้นที่ เช่น คลินิกชุมชนอบอุ่น ก็ยังมีความลักลั่นกันอยู่ ในส่วนนี้ได้มีการหารือกันว่าจะดึงสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (HA) มาทำการประเมินคุณภาพในทุกๆระดับ ทั้งโรงพยาบาลและคลินิกชุมชนอบอุ่น ซึ่งจะเป็นหลักประกันใน 2 ส่วนคือ กรณีผู้ป่วยมีอาการแย่ลงหน่วยบริการจะต้องทราบ และช่วยในเรื่องการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ


ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ภารกิจหลักของ สปสช.คือการสนับสนุนงบประมาณแก่หน่วยบริการ เช่นการสนับสนุนอาหาร 3 มื้อ เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดออกซิเจน ยาต่างๆ รวมทั้งให้สายด่วน 1330 ช่วยจับคู่ผู้ป่วยกับหน่วยบริการ ตลอดจนการส่งยาเบื้องต้นระหว่างผู้ป่วยรอจับคู่กับหน่วยบริการ ขณะที่ในส่วนของการใช้ชุดตรวจ ATK นั้นก็จะเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะทำให้ค้นหาผู้ป่วยได้เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับการตรวจแบบ RT-PCR

“เมื่อมีนโยบายจะใช้ ATK ทาง สปสช.ก็ได้เตรียมงบประมาณจัดซื้อ ATK สำหรับให้ประชาชนตรวจด้วยตัวเอง อย่างไรก็ดี ขั้นตอนในขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดซื้อโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) แต่ที่ผ่านมาอาจมีคำถามเรื่องคุณภาพผลิตภัณฑ์ ดังนั้นขอเวลาให้ทีมวิชาการได้สร้างความมั่นใจ และเมื่อจัดซื้อเสร็จแล้ว สปสช.จะรีบกระจาย ATK โดยขณะนี้แม้ชุดตรวจยังไม่มา แต่ก็วางแผนจัดส่งไปตามโรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น หรือแม้แต่ร้านยา หรือแม้แต่การส่งทางไปรษณีย์หรือให้ Rider ขับไปส่ง โดยเน้นในพื้นที่สีแดงที่มีการระบาดมากๆก่อน” นพ.จเด็จ กล่าว

นพ.จเด็จ กล่าวด้วยว่า เมื่อมีการจัดซื้อและจัดส่งให้ประชาชนแล้ว ในกรณีที่ตรวจพบว่ามีผลเป็นบวก วิธีที่ง่ายที่สุดคือติดต่อกลับไปยังหน่วยบริการที่ส่งชุดตรวจมาให้ ทางหน่วยบริการก็จะประสานให้ผู้ป่วยรายนั้นๆเข้าสู่การดูแลแบบ Home Isolation หรืออาจโทรสายด่วน 1330 ต่อ 14 หรือเว็บไซต์ของ สปสช. https://crmsup.nhso.go.th/#TicketHI หรือไลน์ สปสช. เพิ่มเพื่อนที่ @nhso ก็ได้


ขณะที่ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงแนวทางการใช้สมุนไพรในการดูแลผู้ติดเชื้อในระบบ Home Isolation ว่า ในกรณีที่ผู้ติดเชื้อมีร่างกายแข็งแรง แพทย์ผู้ดูแลสามารถพิจารณาจัดยาสมุนไพรให้ได้หลายตัว โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ 1.กลุ่มยาลดไข้ บรรเทาอาการปวดเมื่อย อาทิ ยาเขียวหอม ยาจันทน์ลีลา ยาประสานจันทน์แดง ยาห้าราก 2.บรรเทาอาการในระบบทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ได้แก่ ยาแก้ไอผสมกานพลู ยาแก้ไอผสมมะขามป้อม ยาแก้ไอผสมมะนาวดอง ยาตรีผลา 3.บรรเทาอาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องอืดท้องเฟ้อ ได้แก่ น้ำขิง และ 4.อาการอื่นๆ เช่น อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ อาทิ ยาโกฏจุฬารัมภา เป็นต้น อย่างไรก็ดี ต้องย้ำว่ายาเหล่านี้ต้องบอกว่าเป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการเท่านั้น และกรณีที่มีการลือกันว่าทานสมุนไพรตัวนั้นตัวนี้แล้วจะป้องกันโควิด-19 ได้ ขอยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีสมุนไพรตัวใดที่มีการยืนยันว่าป้องกันโควิด-19 ได้ แต่ในแง่การรักษาที่มีการศึกษาแล้วว่าช่วยได้คือฟ้าทะลายโจร และอีกตัวที่มาแรงและอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลการศึกษาในมนุษย์คือกระชาย

“ในส่วนฟ้าทะลายโจรนั้น สามารถใช้ในกลุ่มที่ทำ Home Isolation ที่อาการไม่รุนแรง แต่มีข้อพึงระวังคือหากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเดิม เช่น โรคไต อาจเกิดปัญหาได้ ดังนั้นผู้ป่วยโรคไตต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้สมุนไพรทุกชนิด รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคตับ ก็ต้องระวังการใช้และควรปรึกษาแพทย์ก่อน ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยในการใช้ยาสมุนไพร สามารถเข้าไปที่ไลน์ @FAH FIRST AID โดยจะมีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมให้” พญ.อัมพร กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย