กรมวิทย์แจงผลศึกษา “วัคซีนไขว้สลับชนิด” ภูมิขึ้นเร็วเพียง 5 สัปดาห์

สำนักข่าวไทย 19 ส.ค.- กรมวิทย์แจงผลศึกษาทดลองประสิทธิภาพสูตรฉีดวัคซีนกับสายพันธุ์เดลตา ในห้องปฏิบัติการระดับ 3 พบวัคซีนไขว้สลับชนิดให้ผลดีสุด และภูมิขึ้นเร็ว เพียง 5 สัปดาห์ รองลงมาแอสตราฯ 2 เข็ม ส่วนการฉีดแบบบูสเตอร์ แอสตราฯ เป็นเข็ม 3 หลังรับซิโนแวค พบให้ผลดีเช่นกัน แต่ไม่สนับสนุนฉีดแอสตราฯ เข็ม 1 และซิโนแวค เข็ม 2

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงผลการศึกษาการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไขว้สลับชนิด ว่า จากการศึกษาทดลอง ตรวจระดับภูมิคุ้มกันของประชาชนอาสาสมัคร จำนวน 125 คน อายุเฉลี่ย 18-60 ปี แบ่งเป็น ชาย 61 คน, หญิง 64 คน ในพื้นที่กทม. และปริมณฑล ในผู้รับวัคซีนแบบซิโนแวค 2 เข็ม, แอสตราเซเนกา 2 เข็ม, ฉีดแบบไขว้ สลับชนิด ซิโนแวค กับแอสตราเวเนกา เมื่อตรวจแบบวัดภูมิคุ้มกัน แอนตี้สไปร์ท (ภูมิคุ้มกันแบบภาพรวม) ไม่ได้มีการจำกัดว่า ไวรัสสายพันธุ์ไหน เพื่อดูสูตรการรับวัคซีน พบว่าผู้ที่รับซิโนแวค 2 เข็ม 117 ไตเตอร์ แอสตราเซเนกา 207 ไตเตอร์ และซิโนแวค เข็ม 1 จากนั้นห่าง 3 สัปดาห์ รับวัคซีนแอสตราเซเนกา เข็ม 2 จากนั้นห่าง 2 สัปดาห์ วัดภูมิคุ้มกันขึ้นถึง 716 ไตเตอร์ ทั้งนี้ภูมิคุ้มกันของแต่ละคนไม่เท่ากัน จึงกำหนดเป็นค่าเฉลี่ยกลางที่เกิดขึ้น พบว่า ค่าภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น พบว่า การฉีดวัคซีนแบบสูตรไขว้สลับชนิดกัน (ซิโนแวค + แอสตราฯ) ให้ภูมิสูงกว่า ซิโนแวค 2 เข็ม ถึง 6 เท่า และสูงกว่า การรับวัคซีนแอสตาฯ 2 เข็ม ถึง 3 เท่า ส่วนการฉีดวัคซีนแบบบูสเตอร์โดส เป็นซิโนแวค 2 เข็ม แอสตราเซเนกา เป็นเข็ม 3 พบว่า ภูมิคุ้มกันสูงถึง 1127 ไตเตอร์ ทั้งนี้ภูมิที่ขึ้นมีมากกว่าในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ ที่ต้องการภูมิคุ้มกันที่สูงมากกว่าซิโนแวคถึง 10 เท่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการศึกษาในกลุ่มคนบูสเตอร์โดสในเข็ม 3 ที่เป็นไฟเซอร์ คาดว่าในอนาคตจะสามารถดำเนินการได้ การฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ในที่รับเป็นบูสเตอร์โดส ก็เหมือนกับการรับวัคซีนแอสตราเซเนกาทั่วไป มีไข้ ปวดเมื่อตามร่างกาย


นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า นอกจากนี้ มีการศึกษาแบบเฉพาะเจาะจงในเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา ทางกรมวิทย์ฯ ได้ทดลองในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัย ระดับ 3 ที่มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากนำซีรัม (เลือด) ของอาสาสมัคร ที่รับวัคซีนกับไวรัสเดลตาจริงมาทดลองในหลอดทดลอง ลักษณะของการเจือจาง 10-1000 เท่า และย้อมสีไวรัส เพื่อดูประสิทธิภาพของการยับยั้งเชื้อไวรัส โดยยิ่งเจือจางซีรัมมากเท่าไหร่ และเหลือจำนวนไวรัสลดลงครึ่งหนึ่ง ถือว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ โดยพบว่าสูตรวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม มีค่าเฉลี่ยมีการเจือจางอยู่ที่ 24.28 เท่า, แอสตราเซเนกา+ซิโนแวค อยู่ที่ 25.84 เท่า, แอสตราเซเนกา 2 เข็ม 76.52 เท่า, ซิโนแวค เข็ม 1 และแอสตราเซเนกา เข็ม 2 อยู่ที่ 78.64 เท่า จะเห็นว่ามีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการรับวัคซีนแอสตราเซเนกา 2 เข็ม ส่วนการการบูสเตอร์โดส ซิโนแวค 2 เข็ม และฉีดแอสตราฯ เป็นเข็ม 3 อยู่ที่ 271.2 เท่า ทั้งนี้จะเห็นว่า วัคซีนสูตรสลับไขว้ชนิดที่เป็นสูตรมาตราไทย การฉีดของไทยในขณะนี้ให้ผลดี มีประสิทธิภาพมากกว่า และใกล้เคียงการรับแอสตราฯ 2 เข็ม แต่ข้อดีคือการฉีดวัคซีนสูตรสลับชนิดนี้ ทำให้ลดระยะเวลาการรับวัคซีนให้สั้นลงได้ภูมิคุ้มกันเร็วขึ้น เพียง 5 สัปดาห์ โดยวัคซีนซิโนแวค เข็ม 1 จากนั้นห่าง 3 สัปดาห์ รับแอสตราฯ เป็นเข็ม 2 จากนั้นห่างอีก 2 สัปดาห์ ภูมิคุ้มกันก็ขึ้นได้ทันที เพราะขณะนี้การระบาดของไทย 95% ในกทม. เป็นไวรัสเดลตา ส่วนในต่างจังหวัด 90% ก็เป็นเดลตา และไม่แนะนำให้รับวัคซีนแอสตราฯ เป็นเข็ม 1 และซิโนแวค เป็นเข็ม 2 เพราะภูมิเท่าซิโนแวค 2 เข็ม

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ในการศึกษาวิจัยทั้งหมดนี้ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าภูมิคุ้มกันจะอยู่นานแค่ไหน เพราะต้องใช้เวลาในการศึกษาพิสูจน์ ส่วนการศึกษาในกลุ่มรับวัคซีนไฟเซอร์ ยังต้องรอให้ครบ 2 สัปดาห์ก่อนจึงจะศึกษาได้ ทั้งนี้ยังย้ำว่าการศึกษาเรื่องภูมิคุ้มกันไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าภูมิจะอยู่ต่อไป เพราะมีปัจจัยธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง กลไกการป้องกันโรค วัคซีนเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะวัคซีนจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ร่างกายจดจำเชื้อ และป้องกันโรค ในอนาคตจะมีการศึกษาวิจัย เรื่องการฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อและชั้นผิวหนัง เพื่อดูปริมาณวัคซีนที่เข้าไปในร่างกาย เพื่อดูการตอบสนองว่าแตกต่างกันหรือไม่ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย