วิทยาลัยพยาบาลพระพุทธบาทจับมือ สปสช. จัดทีม นศ. ดูแลผู้ติดเชื้อโควิด

สำนักข่าวไทย 19 ส.ค.-วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พระพุทธบาท จัดทีมนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 และ 4 กว่า 215 คน ร่วมกับ สปสช.เขต 4 สระบุรี โทรติดตามประเมินอาการผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างรอเข้าสู่ระบบการดูแล รวมทั้งร่วมมือกับพื้นที่ดูแลผู้ป่วยใน Community Isolation ใน 7-8 อำเภอของ จ.สระบุรี และเตรียมขยายไปดูแลผู้ป่วย Home Isolation เร็วๆ นี้

นางจำรัส สาระขวัญ รักษาการผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พระพุทธบาท เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางวิทยาลัยฯได้ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 4 สระบุรี ในการจัดนักศึกษาพยาบาลไปร่วมสนับสนุนการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ โดยที่มาของโครงการนี้เนื่องจากทางขณะนี้มีผู้ที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบการดูแลจำนวนมากที่โทรเข้ามาที่สายด่วน 1330 ทาง สปสช.เขต 4 จึงประสานขอความร่วมมือให้นักศึกษาเข้าไปช่วยติดตามประเมินอาการผู้ป่วย รวมทั้งติดตามว่าสามารถเข้าถึงระบบบริการได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งทางวิทยาลัยฯก็ยินดีให้ความร่วมมือและตอบรับทันที โดยเริ่มให้นักศึกษาปฏิบัติงานตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา


นางจำรัส กล่าวว่า ในช่วงแรกนั้นมอบหมายให้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ก่อน และต่อมาก็ดึงนักศึกษาชั้นปีที่ 3 เข้ามาร่วมด้วย รวมทั้งหมด 215 คน ซึ่งก่อนปฏิบัติงาน ทางวิทยาลัยฯก็ได้เตรียมพร้อมองค์ความรู้เรื่องโรคโควิด-19 ว่าผู้ป่วยมีอาการอย่างไร ต้องดูแลอย่างไร ขณะที่ทาง สปสช.เขต 4 ก็เตรียมพร้อมในเรื่องเกณฑ์การคัดกรองอาการผิดปกติจากผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่อาการเปลี่ยนแปลงเป็นเป็นสีเหลืองและสีแดง ระบบการดูแล การส่งต่อ การบันทึกข้อมูล ตลอดจนเทคนิคการสื่อสารกับผู้ป่วย นอกจากนี้ยังเตรียมซิมการ์ดเพื่อให้นักศึกษาใช้ และในการปฏิบัติงานก็จะมีพี่เลี้ยงจาก สปสช.เขต 4 ช่วยดูแลให้คำแนะนำ 1 คนต่อนักศึกษา 5-6 คน เพราะบางกรณีนักศึกษาก็ต้องการคำแนะนำ เช่น ข้อมูลเชิงพื้นที่ เคสที่อาการเปลี่ยนแปลงต้องไปรับตัวทันที ทางพี่เลี้ยงก็จะประสานงานต่อให้

“เราให้นักศึกษาปฏิบัติงานในวันหยุดเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์นอกเหนือจากวันเรียนตามปกติ ซึ่งทาง สปสช.เขต 4 ก็จะเอาหมายเลขโทรศัพท์ที่ต้องการติดต่อมาให้นักศึกษา ทางนักศึกษาก็จะแบ่งกลุ่มกันโทรติดตาม ตอนนี้ก็ทำมาได้เดือบ 1 เดือนแล้ว ผลการปฏิบัติงานก็ทำได้ดี ทาง สปสช.ก็ชมว่านักศึกษาทำได้ดีและรวดเร็ว น้องๆ โทรหาผู้ป่วยได้ชั่วโมงละ 10-15 คน รอบแรกที่ สปสช. ให้ข้อมูลผู้ป่วยมากกว่า 3,000 คน นักศึกษาก็โทรหาได้หมดภายใน 2 วัน สามารถช่วยคัดกรองผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนักหรือเข้าไม่ถึงบริการ ไม่ได้รับอุปกรณ์หรือยา วันแรกก็สามารถคัดกรองผู้ติดเชื้อที่อาการเปลี่ยนแปลงจากเขียวเป็นเหลืองได้กว่า 20 ราย” นางจำรัส กล่าว


นางจำรัส กล่าวว่า การที่นักศึกษาได้เข้ามาช่วยดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ในครั้งนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก เป็นการบูรณาการศาสตร์หลายวิชาที่เรียนมาใช้ในการทำงาน ได้เรียนรู้อาการของโรคจากผู้ป่วยโดยตรง ได้ฝึกเรื่องการสนทนา การให้คำแนะนำต่างๆ รวมทั้งยังได้ฝึกในเรื่องจิตอาสา และที่สำคัญคือนักศึกษาเกิดความภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่กำลังเดือดร้อน และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่มีส่วนร่วมในระบบสุขภาพ

ทั้งนี้ นอกจากการโทรติดตามประเมินอาการผู้ติดเชื้อที่รอเข้าระบบการดูแลแล้ว ทางวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พระพุทธบาท ยังให้นักศึกษาเข้าไปร่วมโทรติดตามอาการผู้ป่วยที่อยู่ในการดูแลแบบ Community Isolation ในพื้นที่ของจังหวัดสระบุรี รวม 7-8 อำเภอ เช่น เข้าไปช่วยตอบคำถามผู้ป่วย ประเมินอาการผ่านทางกลุ่มไลน์ โดยมีอาจารย์เข้าไปเป็นพี่เลี้ยงด้วย และในเร็วๆนี้ก็ได้รับประสานให้เข้าไปช่วยดูแลผู้ป่วยในส่วนของ Home Isolation ด้วย ซึ่งทางวิทยาลัยฯยินดีช่วยเต็มที่

นพ.ชลอ ศานติวรางคณา ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 4 สระบุรี กล่าวถึงความร่วมมือกับวิทยาลัยพยาบาลในครั้งนี้ว่า สาเหตุมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีผู้ติดเชื้อตกค้างในระบบ 3,000-4,000 คน ซึ่งถ้าให้เจ้าหน้าโทรติดต่อสอบถามประเมินอาการอย่างเดียวไม่ไหวแน่นอน ซึ่งในขั้นตอนนี้ทางนักศึกษาพยาบาลมีศักยภาพสามารถเข้ามาช่วยได้ จึงประสานไปทางวิทยาลัยพยาบาลและทางอาจารย์ก็มองว่าเป็นโอกาสดี ทาง สปสช.เขต 4 จึงสนับสนุนซิมการ์ดให้นักศึกษาใช้ปฏิบัติงาน รวมทั้งจัดอาหาร อาหารว่างให้ และช่วงหลังก็จัดทำโครงการคล้ายๆกับการจ่ายค่าจ้างให้เลย เพราะนักศึกษาบางคนในช่วงนี้ก็ประสบปัญหาทางการเงิน ทาง สปสช.เขต 4 จึงทำโครงการรองรับเบิกจ่ายค่าตอบแทนให้ แต่จะเป็นลักษณะคล้ายๆทุนการศึกษามากกว่าจะเป็นการจ่ายค่าตอบแทนแบบเต็มรูปแบบ


“น้องๆทำงานดีมากและได้เจอประสบการณ์ที่หลากหลาย บางคนพอตามเคสเสร็จเจอคนไข้รอจนเสียชีวิตก็อินมาก บางคนก็โดนดุกลับมาบ้างว่ารอตั้งหลายวันทำไมเพิ่งโทรมา ฯลฯ ซึ่งโครงการลักษณะนี้เราจะทำไปจนกว่าสถานการณ์จะกลับมาสู่ภาวะที่กำลังเจ้าหน้าที่ในระบบสามารถรับมือไหว สามารถโทรติดตามได้โดยไม่มีผู้ติดเชื้อตกค้าง” นพ.ชลอ กล่าว

นพ.ชลอ กล่าวว่า นอกจากโครงการให้นักศึกษาพยาบาลเข้ามามีส่วนร่วมดูแลผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างรอเข้าสู่ระบบการดูแลแล้ว สปสช.เขต 4 ยังได้เป็นตัวกลางประสานกับทางสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี ในการให้นักศึกษาจากวิทยาลัยพยาบาลสระบุรีและวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พระพุทธบาท มีส่วนร่วมในการโทรติดตามดูแลผู้ติดเชื้อใน Community Isolation และ Home Isolation โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกระบวนการเรียนรู้ว่าปัญหาการดูแลผู้ป่วยจะต้องเฝ้าระวังอะไรทั้งเรื่องกาย จิต สังคม และอีกประการคือเป็นการฝึกในเรื่องจิตอาสาด้วย ขณะที่ทางหน่วยบริการ สาธารณสุขจังหวัดก็ได้เสริมกำลังแบ่งเบาภาระของเจ้าหน้าที่ด้วย เป็นการได้ประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย

“จุดสำคัญที่สุดคือนักศึกษาได้เรียนรู้ ได้เรียนรู้เรื่องอารมณ์ ความเครียด ความกังวล มิติต่างๆของคนไข้” นพ.ชลอ กล่าวทิ้งท้าย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย